วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

กองทัพอากาศพม่าอาจจะจัดหาเครื่องบินลำเลียง Y-9 จีน


Commander in Chief of Myanmar Armed Force Senior General Min Aung Hlaing visited CATIC's Shaanxi Y-9 Transport Aircraft Production Factory, 29 October 2016.(defence.pk)

Myanmar to buy new Chinese Y-9E transport aircraft
http://defence-blog.com/news/myanmar-to-buy-new-chinese-y-9e-transport-aircraft.html

มีรายงานข่าวว่ากองทัพอากาศพม่าได้สั่งจัดซื้อเครื่องบินลำเลียงแบบ Y-9E จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นรุ่นส่งออกของเครื่องบินลำเลียง Y-9 ที่ประจำการในกองทัพอากาศปลดปล่อยประชาชนจีน(PLAAF: People's Liberation Army Air Force)
โดยก่อนหน้านี้ในช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา พลเอกอาวุโส Min Aung Hlaing ผู้บัญชาการสูงสุดกองทัพแห่งชาติพม่า(Tatmadaw) และคณะได้เดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน
ซึ่งหนึ่งในการเยี่ยมชมคือคือสายการผลิตเครื่องบินลำเลียง Y-9 ที่โรงงานอากาศยานของ CATIC(China National Aero-Technology Import & Export Corporation) รัฐวิสาหกิจกลุ่มอุตสาหกรรมอากาศยานด้านการนำเข้าและส่งออกของรัฐบาลจีน ที่มีบริษัท Shaaxi ผู้ออกแบบพัฒนา Y-9 ในเครือ

Y-9 เป็นเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธีขนาดกลางสี่เครื่องยนต์แบบใหม่ล่าสุดของกองทัพอากาศปลดปล่อยประชาชนที่เข้าประจำการมาตั้งแต่ปี 2012 ที่มีพื้นฐานพัฒนามาจากเครื่องบินลำเลียง Y-8 ที่ลอกแบบเครื่องบินลำเลียง Antonov An-12 อดีตสหภาพโซเวียต(ปัจจุบันคือยูเครน)
โดย Y-9 ได้ปรับปรุงโครงสร้างตัวอากาศยาน, ระบบเครื่องยนต์และ Avionic ใหม่ให้มีสมรรถนะสูงขึ้นกว่า Y-8 เทียบเท่าได้กับเครื่องบินลำเลียง Lockheed Martin C-130J สหรัฐฯที่มีใช้งานในกองทัพอากาศหลายประเทศทั่วโลก
ปัจจุบันกองทัพอากาศพม่ามีเครื่องบินลำเลียง Y-8 ประจำการอยู่รวม 6เครื่อง แบ่งเป็น Y-8D ที่จัดหามาในช่วงปี 1990s 4เครื่อง และ Y-8F-200W ใหม่ 2เครื่องที่เพิ่งเข้าประจำการไปเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2016 ที่ผ่านมา

ยังไม่มีรายงานเพิ่มเติมถึงรายละเอียดว่ากองทัพอากาศพม่าจะจัดหาเครื่องบินลำเลียง Y-9E กี่เครื่องและในวงเงินเท่าไร ถ้ารายงานนี้เป็นความจริง พม่าจะเป็นลูกค้าต่างประเทศรายแรกที่จีนส่งออก Y-9 ให้
ทั้งนี้ยังมีรายงานว่ากองทัพอากาศเวเนซุเอลาซึ่งมี Y-8 ประจำการเช่นกัน และหลายประเทศในแถบแอฟริกากำลังให้ความสนใจ Y-9 รวมถึงกองทัพอากาศไทยที่อาจจะประเมินค่า Y-9 เป็นตัวเลือกเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธีใหม่ทดแทน C-130H ด้วยครับ
(ติดตามรายละเอียดการวิเคราะห์โอกาสของเครื่องบินลำเลียง Y-9 ในกองทัพอากาศไทยได้จากบทความนี้ครับ http://aagth1.blogspot.com/2016/09/blog-post_9.html)

นอร์เวย์จะจัดหาเครื่องบินตรวจการณ์ทางทะเล P-8A Poseidon 5เครื่อง และอิสราเอลจะจัดหาเครื่องบินขับไล่ F-35 เพิ่ม 17เครื่อง

Norway to buy five new P-8A Poseidon maritime patrol aircraft
https://www.regjeringen.no/no/aktuelt/foreslar-a-kjope-fem-nye-p-8a-poseidon-maritime-patruljefly/id2521783/

U.S. Navy’s P-8A Poseidon flying alongside Lockheed P-3 Orion(wikipedia.org)

รัฐบาลนอร์เวย์อนุมัติความเป็นไปได้ในการจัดหาเครื่องบินตรวจการณ์ทางทะเล Boeing P-8A Poseidon จำนวน 5เครื่องจากสหรัฐฯ วงเงินราว 9,825 million Norwegian Kroner($1.15 billion) โดยคาดว่าจะได้รับมอบในช่วงปี 2021-2022
โดยรัฐมนตรีกลาโหมนอร์เวย์ นาง Ine Marie Eriksen Soreide ให้รายละเอียดว่า P-8A จะถูกใช้ในภารกิจลาดตระเวนในมหาสมุทรน่านน้ำของนอร์เวย์เพื่อความมั่นคงทางทหารและความปลอดภัยของพลเรือนนอร์เวย์
ซึ่ง P-8A Poseidon นั้นติดตั้งระบบอาวุธโจมตีเรือผิวน้ำและปราบเรือดำน้ำและอุปกรณ์ตรวจจับที่ทันสมัยสำหรับการลาดตระเวนทางทะเลและการลาดตระเวนตรวจการณ์ข่าวกรอง(ISR: Intelligence, Surveillance and Reconnaissance)
ปัจจุบันกองทัพอากาศนอร์เวย์มีเครื่องบินตรวจการณ์ทางทะเล P-3 Orion 6เครื่อง แบ่งเป็น P-3N 2เครื่อง(จัดหาในปี 1969) และ P-3C 4เครื่อง(จัดหาในปี 1989) ประจำการในฝูงบิน333 กองบิน133 สถานีอากาศยาน Andoya ทางตอนเหนือของประเทศ
และเครื่องบินสงคราม Eletronic แบบ DA-20 Jet Falcon 3เครื่อง(ดัดแปลงจาก Dassault Falcon 200) ประจำการในฝูงบิน717 กองบิน137 สถานีอากาศยาน Rygge ทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่ง P-8A Poseidon ที่จะจัดหา 5เครื่องจะมาทดแทนอากาศยานทั้งสองแบบนี้ครับ

Israel to Acquire 17 More F-35s
TEL AVIV — Israeli Prime Minister Benjamin Netanyahu and his security cabinet on Sunday evening unanimously approved the purchase of another 17 F-35I fighters, boosting the strength of Israel’s stealth force to 50.
http://www.defensenews.com/articles/israel-to-acquire-17-additional-f-35s

วันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีอิสราเอล นาย Benjamin Netanyahu และคณะรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงมีมติเป็นเอกฉันท์ในการอนุมัติการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ F-35I Adir เพิ่มอีก 17เครื่อง
ตามรายงานสรุปที่แถลงจากสำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลไม่ได้มีการะบุว่าการจัดหานี้ใช้งบประมาณเท่าใด แต่มีแหล่งข่าวในอุตสาหกรรมความั่นคงระบุว่าการจัดหามีวงเงินมากกว่า $2.5 billion ซึ่งรวมอุปกรณ์สนับสนุนด้วย
คณะรัฐมนตรีอิสราเอลได้อนุมัติการจัดหาเครื่องบินขับไล่ F-35(F-35A) ที่ผลิตโดย Lockheed Martin สหรัฐฯมาเป็นระยะที่3แล้ว โดยก่อนหน้านี้สภา Congress และหน่วยงานของรัฐบบาลสหรัฐฯได้อนุมัติความเป็นไปได้ในขาย F-35 ให้อิสราเอล 75เครื่อง
ซึ่งอิสราเอลได้สั่งจัดหา F-35I ชุดแรก 19เครื่องในปี 2010 วงเงิน $2.7 billion ที่ 2เครื่องแรกมีกำหนดจะส่งมอบให้อิสราเอลในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ ตามด้วยการจัดหาชุดที่สอง 14เครื่องวงเงิน $2.82 billion ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2015
การที่รัฐบาลอิสราเอลอนุมัติการจัดหา F-35I ชุดที่สามนี้จะทำให้จำนวน F-35I ของกองทัพอากาศอิสราเอลจะเพิ่มเป็นรวม 50เครื่องครับ

วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

กองทัพเรือเดนมาร์กตั้งการจัดซื้ออาวุธปล่อยนำวิถี SM-2 เป็นความสำคัญเพื่อปรับปรุงการป้องกันขีปนาวุธของเรือฟริเกตชั้น Iver Huitfeldt

Royal Danish Navy sets SM-2 buy as priority, mulls frigate BMD upgrade
The Royal Danish Navy's three Iver Huitfeldt-class frigates. Fitting the ships with SM-2 medium-range missiles is the top procurement priority for the navy. Source: Royal Danish Navy
http://www.janes.com/article/65700/royal-danish-navy-sets-sm-2-buy-as-priority-mulls-frigate-bmd-upgrade

การระดมทุนเพื่อจัดหาอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศพิสัยการ Standard Missile-2 (SM-2) Block IIIA จำนวนหนึ่งสำหรือเรือฟริเกตชั้น Iver Huitfeldt เป็นความสำคัญลำดับสูงสุดของกองทัพเรือเดนมาร์ก
ตามที่เจ้าหน้าอาวุโสที่ประจำการให้ข้อมูลกับ Jane's ในการพูดบนเรือฟริเกชั้น Iver Huitfeldt คือ F362 HDMS Peter Willemoes ระหว่างการเยือนท่าเรือ Baltimore มลรัฐ Maryland สหรัฐฯ
นอกจากนี้ผู้บัญชาการทหารเรือเดนมาร์ก พลเรือตรี Frank Trojahn ยังชี้ให้เห็นว่าการตัดสินใจแผนเแนวทางการปรับปรุงการป้องกันขีปนาวุธ(BMD: Ballistic Missile Defence) จะมีขึ้นในปี 2018
ที่ปัจจุบันด้วยข้อจำกัดด้านงบประมาณทำให้กองทัพเรือเดนมาร์กยังไม่ได้มีการจัดหาอาวุธปล่อยนำวิถี SM-2 มาติดตั้งกับเรือฟริเกตชั้น Iver Huitfeldt แม้ว่าเรือจะมีขีดความสามารถรองรับก็ตาม

เรือฟริเกตชั้น Iver Huitfeldt มีความยาวเรือ 138.7m ระวางขับน้ำ 6,645tons ทั้ง 3ลำได้เข้าประจำการในกองทัพเรือเดนมาร์กช่วงเดือนมกราคม 2014 ถึงเดือนมีนาคม 2015 คือ F361 HDMS Iver Huitfeldt, F362 HDMS Peter Willemoes และ F362 HDMS Niels Juel
โดยบริษัท Thales Nederland เนเธอร์แลนด์ได้จัดส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศ(AAWS: Anti Air Warfare System) ติดตั้งกับเรือชั้นนี้โดยทำงานร่วมกับระบบอุปกรณ์และอาวุธประจำเรือเช่น
Radar เอนกประสงค์แบบ APAR(Active Phased Array Multifunction Radar) ย่าน I/J-band, Radar ตรวจการณ์ SMART-L(Signaal Multibeam Acquisition Radar for Targeting) ย่าน D-band, Sonar แบบ Atlas ASO 94 เยอรมนี, Radar ควบคุมการยิง Saab CEROS 200 สวีเดน และระบบอำนวยการรบ Terma C-Flex เดนมาร์ก
ระบบอาวุธปืนใหญ่เรือ OTO Melara 76/62mm, ระบบป้องกันยะยะประชิด CIWS ปืนใหญ่กล Oerlikon Millennium 35mm, อาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ Harpoon Block II และแท่นยิง Torpedo เบาแฝดสอง MU90
ทั้งยังติดตั้งแท่นยิงแนวดิ่ง Mk41 VLS(Vertical Launching System) 8-cell รุ่นความลึก Strike 4ระบบ 32ท่อยิง ซึ่งรองรับอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ Standard มีโรงเก็บและลานจอดเฮลิคอปเตอร์ท้ายเรือ

เช่นเดียวกับระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ติดตั้งกับเรือฟริเกตป้องกันภัยทางอากาศและบัญชาการชั้น De Zeven Provinciën กองทัพเรือเนเธอร์แลนด์ และเรือฟริเกตป้องกันภัยทางอากาศชั้น F124 Sachsen กองทัพเรือเยอรมนี
Radar แบบ APAR มีขีดความสามารถในการโจมตีภัยคุกคามทางอากาศได้ต่อเนื่องพร้อมกันหลายเป้าหมายด้วยอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ semi-active radar homing แบบ RIM-162 ESSM(Evolved SeaSparrow Missile) และ SM-2 Block IIIA
ซึ่งอาวุธปล่อยนำวิถีทั้งสองแบบได้รับการปรับปรุงให้มีความเข้ากันได้กับระบบนำวิถี ICWI(Interrupted Continuous Wave Illumination) ที่ใช้ประโยชน์จากความสามารถของ APAR radar
ในการฉายคลื่นแบบไม่ต่อเนื่องที่สับเปลี่ยนด้วยความรวดเร็วไปยังหลายเป้าหมาย ทำให้สามารถจัดการพลังงานที่จำเป็นในการนำวิถีจรวดเข้าหาแต่ละเป้าหมายได้หลายๆเป้าพร้อมๆกันครับ

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

กองทัพอากาศฝรั่งเศสประสบปัญหาเครื่องบินลำเลียง C-130 มีอัตราความพร้อมต่ำ

French C-130 Hercules fleet suffering low availability rates
France's C-130s are only available a quarter of the time, according to recently released official figures. Source: French Air Force
http://www.janes.com/article/65752/french-c-130-hercules-fleet-suffering-low-availability-rates

รายงานตัวเลขอย่างเป็นทางการระบุว่าฝูงบินเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธี Lockheed Martin C-130 Hercules ของกองทัพอากาศฝรั่งเศสนั้นมีอัตราจำนวนเครื่องที่พร้อมปฏิบัติการเพียงหนึ่งในสี่เท่านั้น
ตามจำนวนตัวเลขความพร้อมของเครื่องบินลำเลียง C-130 กองทัพอากาศฝรั่งเศสจำนวน 14เครื่องถึงขีดต่ำสุดในปี 2015 คือตกลงไปที่อัตราความพร้อมเพียงร้อยละ 26.2
ซึ่งเท่ากับว่ามี C-130 เพียง 3-4เครื่องเท่านั้นที่ทำการบินได้ตลอดเวลา จึงกล่าวได้ว่าตัวเครื่องเองก็จะใช้ปฏิบัติการได้ต่อเนื่องเพื่อตอบสนองภารกิจที่มีกำหนดการใน 6ชั่วโมง

ฝูงบิน C-130 กองทัพอากาศฝรั่งเศสที่ประจำการมาแล้วราว 30ปี เคยมีอัตราความพร้อมที่ร้อยละ 72 ในปี 2011 แต่หลังจากนั้นอัตราความพร้อมก็ลดลงเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตามโครงการปรับปรุงเครื่อง C-130 ได้ถูกตัดสินใจเมื่อกลางปีนี้ โดยจะมีการส่งมอบเครื่องที่ได้รับการปรับปรุงแล้วคาดว่าจะเป็นในปี 2019-2025
จำนวนตัวเลขดังกล่าวนี้ได้ถูกนำมาตั้งคำถามโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในรัฐสภาฝรั่งเศส รวมถึงมีการให้รายละเอียดบางส่วนของฝูงบินอากาศยานแบบอื่นในกองทัพอากาศฝรั่งเศส
เช่น ฝูงบินเครื่องบินลำเลียง C-160 Transall ซึ่งประจำการมานานกว่า(อายุการใช้งานเฉลี่ย 36ปี) แต่มีอัตราความพร้อมของจำนวนเครื่องสูงกว่าคือร้อยละ 45.6 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 40.1 ในปี 2014
นั่นจึงกล่าวได้ว่าเครื่องบินลำเลียง C-160 Transall ลดจำนวนเครื่องที่พร้อมทำการบินจาก 46เครื่องในปี 2011 เป็น 24เครื่องในปี 2015 ซึ่งปัจจัยนี้น่ามีผลมาจากสถานการณ์ชิ้นส่วนอะไหล่เครื่องที่ลดลง

บันทึกทางการยังแสดงถึงอัตราความพร้อมของเครื่องบินขับไล่ Dassault Rafale ที่ร้อยละ 48.5 ในปี 2015(จากจำนวน 93เครื่องที่ประจำการในกองทัพอากาศฝรั่งเศส) ซึ่งใช้งบประมาณค่าใช้จ่ายการบำรุงรักษาที่ 343.9 million Euros($364.56 million)
เครื่องบินขับไล่ Mirage 2000D ยังได้ผลกระทบจากการใช้งานอย่างหนักเพื่อโจมตีกลุ่มติดอาวุธก่อการร้ายในยุทธการ Chammal(ในตะวันออกกลาง) และยุทธการ Barkhane(ในเขตพื้นที่ Sahel แอฟริกาเหนือ) คือมีอัตราพร้อมต่ำที่ร้อยละ 32.9
ส่วนเครื่องบินขับไล่ Mirage 2000B(7เครื่อง) และ Mirage 2000C(15เครื่อง) แม้ว่าจะมีอายุการใช้งานนานกว่า(เฉลี่ย 23ปี เทียบกับ Mirage 2000D ที่มีอายุการใช้งาน 18ปี) แต่ก็มีความพร้อมสูงกว่าที่ร้อยละ 45.6
โดยค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาฝูงบินขับไล่ Mirage 2000 (ทุกรุ่นรวม 150เครื่อง) อยู่ที่ประมาณ 309.8 million Euros ในปี 2015 ครับ

วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

รัสเซียกำลังพัฒนาระบบอาวุธขั้นก้าวหน้าที่มีพื้นฐานจากหลักการทางกายภาพใหม่

Russia developing advanced weapons based on 'new physical principles'
Russian Defense Minister Sergei Shoigu
Russia's Defense Ministry press service/TASS
This year, this system’s resources were primarily aimed at ensuring the operation of the air and naval task forces of the Russian grouping in Syria
http://tass.com/defense/914563

รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย Sergei Shoigu กล่าวเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายนว่า รัสเซียกำลังพัฒนาระบบอาวุธที่มีแนวโน้มว่าใช้พื้นฐานบนหลักการทางกายภาพใหม่
"คุณก็ทราบดีว่ามาตรการการวางแผนกำลังดำเนินไปภายใต้โครงการการปรับปรุงทางเทคนิคของกองทัพบกและกองทัพเรือ การแบ่งปันยุทโธปกรณ์ทางทหารสมัยใหม่ในกำลังรบเรากำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มันจะเทียบเท่ามากกว่าร้อยละ50 ในสิ้นปี 2016
งานเชิงรุกกำลังดำเนินไปเพื่อสร้างระบบอาวุธที่มีแนวโน้มว่าจะใช้หลักการทางกายภาพใหม่ ระบบของการควบคุมกำลังทหารที่หลากหลายระดับกำลังถูกเพิ่มพูนขึ้น และปัญหาการคุ้มครองทางสังคมของเจ้าหน้าที่ประจำการจะได้รับการแก้ไขอย่างมีคุณภาพ"
รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียกล่าวในการประชุมทางวิทยาศาสตร์และการปฏิบัติในการปรับปรุงระบบการทำงานร่วมกันภายในระหว่างแต่ละภาคส่วน

รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียกล่าวว่าในปีนี้ทรัพยากรของระบบถูกมุ่งเน้นเพื่อวัตถุประสงค์หลักในการสร้างความมั่นใจให้กับกองกำลังเฉพาะกิจทางอากาศและทางเรือของรัสเซียที่ปฏิบัติการในซีเรีย
ในการนำโครงการมาใช้กับกำลังรบ, ติดตั้งอาวุธใหม่, และรวมถึงการให้ความช่วยเหลือไปยังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในระดับภูมิภาคเพื่อการขจัดล้างสถานการณ์ฉุกเฉิน
"การทำงานของระบบนี้มีพื้นฐานโดยใช้แนวทางแก้ไขปัญหาทางเทคนิคที่ก้าวหน้าที่สุดภายในประเทศ ความเป็นไปได้ที่มีอยู่ช่วยให้การจัดหาข้อมูลที่จำเป็นต่อกองทัพของประเทศ และความเป็นผู้นำทางการเมือง และร่างของเหล่าทหารที่ควบคุมปฏิบัติการ" นาย Shoigu กล่าว
'หลักการทางกายภาพใหม่' เป็นคำศัพท์ทางความคิดที่จะเน้นย้ำว่าปัจจัยการทำลายล้ายของอาวุธนั้นมีพื้นฐานบนกระบวนการและปรากฎการณ์ก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้ถูกใช้สำหรับวัตถุประสงค์ทางทหารครับ

วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Airbus Helicopters ส่งมอบเฮลิคอปเตอร์ AS565 MBe Panther อินโดนีเซียชุดแรก 3เครื่อง

Airbus Helicopters delivers first three AS565 MBe Panther to Indonesia


Marignane – Airbus Helicopters has delivered the first three of the 11 AS565 MBe Panther helicopters to Indonesia, ahead of contract schedule, at a ceremony at Airbus Helicopters’ headquarters in Marignane, in the presence of representatives from Indonesia’s Ministry of Defence and the Indonesian Navy.
http://www.airbushelicopters.com/website/en/press/Airbus-Helicopters-delivers-first-three-AS565-MBe-Panther-to-Indonesia_2046.html

บริษัท Airbus Helicopters ได้ส่งมอบเฮลิคอปเตอร์ AS565 MBe ชุดแรกจำนวน 3เครื่องจาก 11เครื่องของอินโดนีเซีย ตามกำหนดการในสัญญาเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
โดยมีพิธีรับมอบเครื่องที่สำนักงานใหญ่ของ Airbus Helicopters ที่ Marignane ซึ่งมีตัวแทนจากกระทรวงกลาโหมอินโดนีเซียและกองทัพเรืออินโดนีเซีย(TNI-AL: Tentara Nasional Indonesia-Angkatan Laut)ร่วมงาน
สัญญาการจัดหาที่ลงนามร่วมกับ PT Dirgantara รัฐวิสาหกิจอุตสาหกรรมอากาศยานอินโดนีเซียเมื่อปี 2014 การส่งมอบ ฮ.AS565 MBe ทั้ง 11เครื่องสำหรับกองทัพเรืออินโดนีเซียจะมีขึ้นจนถึงปี 2018

"เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นสักขีพยานในการส่งมอบเฮลิคอปเตอร์ AS565 MBe 3เครื่องแรกให้กับหุ้นส่วนของเราในวันนี้
AS565 MBe ได้ถูกพัฒนาขึ้นโดยใช้ขั้นตอนที่นำสมัยและนี่เป็น ฮ.Panther รุ่นที่ขยายให้มีน้ำหนักบินขึ้นสูงสุดที่ 4,500kg นี่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถภารกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภารกิจปราบเรือดำน้ำที่คาดว่าจะปฏิบัติการด้วยเครื่องเหล่านี้"
Janick Blanc หัวหน้าฝ่ายโครงการหุ้นส่วนของ Airbus Helicopters กล่าว

ภายใต้ข้อตกลง Airbus Helicopters จะจัดส่งเฮลิคอปเตอร์ AS565 MBe ให้ PT Dirgantara อินโดนีเซียเพื่อดำเนินการประกอบและติดตั้งในประเทศในการทำหน้าที่เป็นผู้มีอำนาจในการออกแบบ
ซึ่งครอบคลุมถึงการติดตั้งระบบปราบเรือดำน้ำ(ASW: Anti-Submarine Warfare) ที่รวม Sonar ชักหย่อน และระบบยิง Torpedo เพื่อให้กองทัพเรืออินโดนีเซียปฏิบัติการภารกิจตามความต้องการภารกิจที่สำคัญที่สุดได้
โครงการ MBe Panther ของอินโดนีเซียเป็นความสัมพันธ์ระยะยาวล่าสุดระหว่าง Airbus Helicopters และ PT Dirgantara ที่เพิ่งฉลองการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ร่วมกันครบ 40ปีไปไม่กี่เดือนก่อน
ซึ่งทั้งสองบริษัทได้ส่งมอบเฮลิคอปเตอร์รวมกันมากกว่า 190เครื่องในโครงการร่วมต่างๆตลอดช่วง 40ปีนี้

"เราได้ทำงานร่วมกับ Airbus Helicopters ในโครงการจำนวนมากสำหรับหลายปีจนถึงบัดนี้ และนี่เป็นวันสำคัญที่แสดงถึงความมุ่งมั่นของทั้งสองบริษัทที่ก้าวต่อไปในโครงการนี้
เรามองไปข้างหน้าเพื่อจะรับมอบเฮลิคอปเตอร์ใหม่เหล่านี้ที่ Bandung ที่ที่เราพร้อมจะเริ่มการติดตั้งอุปกรณ์ภารกิจ และการตรวจสอบคุณภาพและการรับรองที่จะตามมาของเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำในอนาคตของเรา"
Budi Santoso ผู้อำนวยการบริหารและประธาน PT Dirgantara อินโดนีเซียกล่าว

ตามข้อมูลที่ได้รับ PT Dirgantara อินโดนีเซียดำเนินการติดตั้งระบบสงครามปราบเรือดำน้ำ ASW Suit ที่พัฒนาร่วมกับ Rotorcraft Services Group(RSG) สหรัฐฯ ในโรงงานอากาศยานที่ Bundung อินโดนีเซีย
ซึ่งระบบปราบเรือดำน้ำนี้ประกอบด้วย Sonar ชักหย่อนแบบ DS-100 HELRAS ของ L-3 Ocean Systems และแท่นยิง Torpedo เบา ซึ่งสามารถติดตั้ง Torpedo เบาปราบเรือดำน้ำแบบ Mk46 หรือ A244/S และระบบควบคุมของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ
โดย PT Dirgantara อินโดนีเซีย จะดำเนินการทดสอบเครื่องหลังการติดตั้งอุปกรณ์จนผ่านการรับรองก่อนที่จะส่งมอบให้กองทัพเรืออินโดนีเซียที่เป็นผู้ใช้งานต่อไป

AS565 MBe Panther ถูกจัดเป็นเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำขนาดเบา/กลางที่มีขีดความสามารถสูงสุดแบบหนึ่งของโลก
โดยติดตั้งเครื่องยนต์ Safran Arriel 2N สองเครื่องซึ่งสามารถทำงานในสภาพแวดล้อมที่สูงและร้อน ทำความเร็วได้สูงสุด 165knots พิสัยทำการ 780km
เพิ่มเติมด้วยชุด Gear Box ใหม่, ชุดใบพัดหางแบบใหม่ล่าสุด และระบบ Autopilot 4แกนเพื่อลดภาระความเหนื่อยล้าของนักบินและทำให้ปฏิบัติการภารกิจได้ตรงตามความต้องการมากขึ้นครับ

วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

กองทัพเรือไทยทดสอบปฏิบัติการของเฮลิคอปเตอร์ H145M บนเรืออู่ยกพลขึ้นบก ร.ล.อ่างทอง




























22 พ.ย.59 ฝูงบิน 202 ได้จัดอากาศยาน EC 645 T2 เพื่อทำการทดสอบทดลองระบบร่วมกับ ร.ล.อ่างทอง ผลการปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
https://www.facebook.com/squadron202/posts/1848879252007850
https://www.facebook.com/squadron202/

Thailand conducts deck landing trials of H145M helicopter on LPD
A Royal Thai Navy H145M helicopter conducting deck landing operations onboard HTMS Angthong. Source: Royal Thai Navy 202 Naval Aviation Squadron
http://www.janes.com/article/65702/thailand-conducts-deck-landing-trials-of-h145m-helicopter-on-lpd

กองทัพเรือไทยประสบความสำเร็จในชุดการทดสอบการลงจอดบนลาดจอดและการปฏิบัติการของเฮลิคอปเตอร์ H145M(EC 645 T2) บนเรืออู่ยกพลขึ้นบก(LPD: Landing Platform Dock) ร.ล.อ่างทอง(ลำที่๓) (LPD-791 HTMS Angthong มีพื้นฐานจากเรือ LPD ชั้น Endurance กองทัพเรือสิงคโปร์)
การทดลองการปฏิบัติการมีขึ้นเมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายนที่ผ่านมาที่ชายฝั่งเมืองพัทยา โดย ฮ.ลล.๖ H145M หมายเลข 2217 สังกัดฝูงบิน๒๐๒ กองบิน๒ กองการบินทหารเรือ
ซึ่งเป็นหนึ่งใน H145M ๕เครื่องที่กองทัพเรือไทยจัดหาจากบริษัท Airbus Helipcoters ที่ลงนามสัญญาเมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๗(2014) และเพิ่งทำพิธีรับมอบเครื่องไปเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๙(2016) ตามที่ได้รายงานไปก่อน
มีข้อมูลว่ากองทัพเรือไทยได้มีการยอมรับทางเทคนิคของ ฮ.H145M สองเครื่องแรกตั้งแต่เดือนเมษายนแล้ว ก่อนที่มีการส่งมอบเครื่องมาถึงไทยเมื่อเดือนกันยายน

ตามข้อมูลของ Airbus Helicopters ฮ.ลล.๖ H145M กองทัพเรือไทยจะถูกใช้ในภารกิจหลากหลายรูปแบบทั้งการค้นหาและกู้ภัย(SAR: Search and Rescue), การลาดตระเวน และการส่งกลับทางสายแพทย์
H145M ติดตั้งเครื่องยนต์ Turbomeca Arriel 2E โดยติดตั้งระบบ Radar ตรวจการณ์สภาพอากาศ, ตะขอเกี่ยวสัมภาระ, และระบบเชื้อเพลิงภายในสำหรับการบินในระยะไกล
กองทัพเรือไทยยืนยันกับ Jane's เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ฮ.H145M ทั้ง ๕เครื่องได้รับการติดตั้งแท่นยิงปืนกล ๒จุดที่ประตูข้างด้านซ้ายและด้านขวาของเครื่อง
เจ้าหน้าที่ฝูงบินกล่าวว่า การฝึกการลงจอดบนเรือของ H145M นีเป็นกำหนดการที่ดำเนินการต่อเนื่องในกี่สัปดาห์เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับกำลังพลของ ร.ล.อ่างทอง กับ ฮ.บนลานจอด รวมถึงขึ้นการเก็บและนำ ฮ.ออกจากโรงเก็บเฮลิคอปเตอร์ของเรือด้วยครับ

ผู้บัญชาการทหารบกรัสเซียมั่นใจว่ารถถังหลัก Armata มีความก้าวหน้าจนไม่มีคู่แข่งใดในโลกนี้

Army commander assures Russia’s advanced Armata tank has no rivals worldwide
Marina Lystseva/TASS
The Russian tank troops are fully supplied with all the necessary armament and military hardware, Russia's Army Commander-in-Chief colonel-general says
http://tass.com/defense/913918

พลโทพิเศษ(Colonel General) Oleg Salyukov ผู้บัญชาการทหารบกรัสเซียกล่าวต่อสื่อในงานแถลงรายงานบรรยายสรุปสำหรับผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารกองทัพต่างประเทศเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า
รถถังหลัก T-14 Armata ที่มีความก้าวหน้าล้ำสมัยซึ่งกำลังพัฒนาสำหรับเข้าประจำการในกองทัพบกรัสเซียมีเอกลักษณ์ด้วยองค์ประกอบจำนวนมากที่ไม่มีคู่แข่งใดในโลกนี้จะทัดเทียมได้

"การทดสอบรถถังหลักยุคใหม่ T-14 ได้ทำต่อเนื่องในฐานะส่วนหนึ่งของงานวิจัยและพัฒนาโครงการระบบยานเกราะ Armata ตามที่เราคาดการณ์และในความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ มันไม่มีรถถังแบบใดในโลกที่เทียบเทียมได้
กองกำลังรถถังรัสเซียกำลังได้รับมอบอาวุธและยุทโธปกรณ์ทางทหารที่จำเป็นทั้งหมดอย่างเต็มอัตรา รถถังหลัก T-72B3 ที่ได้รับการปรับปรุงแล้วกำลังถูกส่งมอบให้กำลังพล
ตามผลการทำงานที่ได้รับนั้นกองทัพบกได้รับรถถังหลักใหม่ที่แท้จริงว่ามีคุณสมบัติพื้นฐานใกล้เคียงกับรถถังหลักยุคใหม่ของต่างประเทศ และที่สำคัญคือเหนือกว่าเกณฑ์ประสิทธิภาพต่อราคาที่พวกเขากำหนดไว้" นายพล Salyukov กล่าว
ประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือของยานเกราะนี้ถูกสาธิตแสดงให้เห็นจริงในการแข่งขันรถถังหลักนานาชาติ Tank Biathlon ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันทางทหารนานาชาติ Army Games

ผู้บัญญชาการทหารบกรัสเซียยังนำเสนอข้อมูลเฉพาะต่อผู้ช่วยทูตทหารในการบรรยายสรุปเกี่ยวกับสถานะและแนวโน้มของการพัฒนากองทัพบกรัสเซีย
ซึ่งการแถลงดังกล่าวมีตัวแทน 106นายจาก 67ประเทศร่วมงาน เช่น ฟินแลนด์, นอร์เวย์, เซอร์เบีย, คาซัคสถาน, เบลารุส และอื่นๆครับ

วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

กองทัพเรืออังกฤษมีจำนวนเรือรบผิวน้ำต่ำอย่างน่าเศร้าใจที่สุดในประวัติศาสตร์

Royal Navy surface ship numbers 'woefully low', committee finds
The HCDC has slated RN surface numbers and demands detail on modernisation plans in a new report. Source: IHS/Patrick Allen
http://www.janes.com/article/65651/royal-navy-surface-ship-numbers-woefully-low-committee-finds

คณะกรรมมาธิการสมาชิกรัฐสภาเปิดฉากการโจมตีอย่างดุเดือดต่อกองทัพเรือสหราชอาณาจักร(Royal Navy) เตือนว่ากำลังเรือรบผิวน้ำทั้งเรือฟริเกตและเรือพิฆาตนั้นมีจำนวนต่ำอย่างน่าเศร้าใจคือ 19ลำเท่านั้น และจะมีจำนวนลดลงเนื่องจากความล่าช้าในการจัดหาเรือทดแทน
สำนักคณะกรรมาธิการกลางกลาโหม(HCDC: House of Commons Defence Committee) ได้เรียกร้องให้กระทรวงกลาโหมอังกฤษระบุรายละเอียดว่าจะมีแผนการจัดหาเรือทดแทนเรือฟริเกตชั้น Type 23 ทั้ง 13ลำทีมีอายุการใช้งานมานานอย่างไร
และกำหนดแผนงบประมาณในระยะยาวที่จะดำรงขีดความสามารถด้านอุตสาหกรรมที่สำคัญ ภายใต้การเตรียมความพร้อมแผนยุทธศาสตร์การสร้างเรือแห่งชาติของรัฐบาล

รายงาน 'การฟื้นฟูกำลังทางเรือ: การจัดหาทางเรือและยุทธศาสตร์การสร้างเรือแห่งชาติ' ที่ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนนั้นได้วิเคราะห์แผนของกระทรวงกลาโหมในการปรับปรุงกำลังกองเรือคุ้มกันกองทัพเรืออังกฤษ
ซึ่งประกอบด้วยการจัดหาเรือฟริเกตใหม่สองชั้นคือ Type 26 Global Combat Ship และ Type 31 General Purpose Frigate(GPFF) เพื่อทดแทนเรือฟริเกตชั้น Type 23
และการตรวจวัดและปรับปรุงความน่าเชื่อถือของระบบพลังงานไฟฟ้าและระบบขับเคลื่อนทั้งหมดที่ติดตั้งในเรือพิฆาตชั้น Type 45 ทั้ง 6ลำที่มีข้อบกพร่องตามที่ได้เคยรายงานไป(http://aagth1.blogspot.com/2016/06/type-45.html)

เรือฟริเกต Type 23 ทั้ง 13ลำมีกำหนดจะปลดประจำการในช่วงระหว่างปี 2023(เมื่อ HMS Argyll ปลดประจำการ) ถึงปี 2035
"ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เรือฟริเกตใหม่จะถูกส่งมอบตามตารางเวลา แรงกดดันทางการเงินได้ปรากฎว่าเป็นส่วนใหญ่ที่เล่นงานในประสบการณ์ที่ล่าช้าอยู่แล้วของโครงการ Type 26
ถ้ามีความล่าช้าอื่นที่จะเกืดขึ้นหรือข้อจำกัดทางการเงินจะอนุมัติให้กำหนดการสร้างช้าลง เรือฟริเกตที่มีอยู่ทั้งหมด 13ลำนี้เป็นจำนวนที่ต่ำสุดในประวัติศาสตร์และจะยิ่งลดต่ำลงไปอีก" คณะกรรมาธิการกล่าวครับ

วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ยูเครนรับมอบรถถังหลัก T-84 Oplot ที่ผ่านการซ่อมปรับปรุงใหม่


Ukrainian T-84(Object 478DU9) Main Battle Tank at Malyshev Plant
http://diana-mihailova.livejournal.com/102466.html

วันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมาได้มีภาพเผยแพร่จากโรงงาน Malyshev ใน Kharkiv ของนาย Alexander Sheyko และพนักงานโรงงาน กับอีกภาพนั้นมีสมาชิกคณะกรรมการงบประมาณรัฐบาลยูเครนถ่ายรูปกับรถถังหลัก T-84(Object 478DU9)
ก่อนหน้านี้ในเดือนมิถุนายนโรงงาน Malyshev ได้สัญญาจากกระทรวงกลาโหมยูเครนในการซ่อมปรับปรุงรถถังหลักให้กับกองทัพยูเครนซึ่งจะมีการส่งมอบภายในเดือนธันวาคมนี้
โดยรถถังหลักส่วนหนึ่งที่ได้รับการซ่อมปรับปรุงเพื่อนำกลับเข้าประจำการใหม่คือ T-84 Oplot รุ่นแรก(Object 478DU9) ซึ่งออกแบบโดยสำนักออกแบบ KMDB(Kharkov Machine Building Design Bureau) ที่เข้าประจำการในกองทัพยูเครนตั้งแต่ปี 2001
ซึ่ง T-84 Oplot ที่กองทัพบกยูเครนมีประจำการนั้นเป็นรุ่นที่เก่ากว่ารถถังหลัก Oplot-T ที่ยูเครนสร้างส่งออกให้กองทัพบกไทยซึ่งมีพื้นฐานจากรถถังหลัก BM Oplot หรือ T-84 Oplot-M(Object 478DU10)
รายละเอียดการปรับปรุงรถถังหลัก T-84 กองทัพบกยูเครนมีเช่นการซ่อมคืนสภาพชิ้นส่วนและปรับปรุงขีดความสามารถในการต่อสู้ ซึ่งรวมถึงหน่วยกำเนิดพลังงานเสริม (APU: Auxiliary Power Unit) สำหรับรถถังหลัก T-84 ทั้ง 6คันครับ

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

อิสราเอลเดินหน้าโครงการจัดหาเรือดำน้ำใหม่จากเยอรมนี 3ลำ

Israeli submarine replacement programme moves forward
INS Tanin, the first of the Israeli Navy's second batch of Dolphin-class submarines, arrives in Haifa in September 2014. Source: PA Photos
http://www.janes.com/article/65591/israeli-submarine-replacement-programme-moves-forward

สำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลและกองทัพอิสราเอล(IDF:  Israel Defense Forces) ได้ยืนยันเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า
อิสราเอลจะจัดซื้อเรือดำน้ำเพิ่ม 3ลำจากเยอรมนีเพื่อทดแทนเรือดำน้ำชั้น Dolphin 3ลำแรกที่เข้าประจำการในกองทัพเรืออิสราเอลตั้งแต่ปี 1990s คือ INS Dolphin(เข้าประจำการปี 1999), INS Leviathan(เข้าประจำการปี 2000) และ INS Tekumah(เข้าประจำการปี 2000)
ต่อมาอิสราเอลได้ได้สั่งจัดหาเรือดำน้ำชั้น Dolphin ลำที่4และลำที่5 จากอู่ต่อเรือบริษัท Howaldtswerke-Deutsche Werft(HDW) ที่ Kiel เยอรมนีในปี 2006 คือ INS Tanin(เข้าประจำการปี 2014) และ INS Rahav(เข้าประจำการปี 2016) ซึ่งเดินทางถึงอิสราเอลในช่วงต้นปี 2016นี้
และสั่งจัดหาลำที่6 ในปี 2011 คือ INS Dakar ที่คาดว่าจะเข้าประจำการและเดินทางถึงอิสราเอลในปี 2019 โดยเรือดำน้ำชั้น Dolphin ชุดที่2 จำนวน 3ลำหลังนี้เป็นเรือดำน้ำชุดแรกที่ติดตั้งระบบขับเคลื่อน AIP(Air Independent Propulsion)

โฆษกกองทัพอิสราเอล พลจัตวา Moti Almoz กล่าวในแถลงการว่าการตัดสินใจที่จะจัดหาเรือดำน้ำใหม่ทดแทนเรือดำน้ำชั้น Dolphin 3ลำแรกนี้เป็นไปตามการประชุมคณะรัฐมนตรีรัฐบาลอิสราเอลที่ผ่านมา
ซึ่งมีความจำเป็นที่กองเรือดำน้ำอิสรเอลจะต้องถูกยกระดับขึ้น และการจัดหาเรือดำน้ำใหม่ทดแทนจะต้องใช้การส่งมอบมากกว่า 10ปี
สถาความมั่นคงแห่งชาติอิสราเอล(NSC: National Security Council) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอล ได้ออกแถลงการกล่าวว่าข้อตกลงเกี่ยวการจัดซื้อเรือดำน้ำตอนนี้อยู่ในส่วนของรัฐบาลเยอรมนีแล้ว
โดยผ่านการดำเนินการหลังจากที่นายกรัฐมนตรีอิสราเอล นาย Benjamin Netanyahu ร้องขอต่อนายกรัฐมนตรีเยอรมนี นาง Angela Merkel เพื่อบรรลุการกำหนดข้อตกลงและงานเตรียมการร่วมซึ่งจะดำเนินการโดยหน่วยงานของรัฐบาล

แถลงการของสภาความมั่นคงแห่งชาติยังตอบโต้รายงานที่วุ่นวายของสื่อท้องถิ่นอิสราเอลที่รายงานข่าวการตั้งคำถามถึงขั้นตอนการตัดสินใจเบื้องหลังการจัดหาเรือดำน้ำ ซึ่งมีการกล่าวชี้แจงดังนี้ว่า
"ความเป็นมืออาชีพ, ขั้นตอนการจัดการ โดยไม่มีการแทรกแซงจากภายนอก และทั้งหมดเป็นไปตามองค์ประกอบที่เป็นมืออาชีพของกระทรวงกลาโหม, กองทัพ และสภาความมั่นคงแห่งชาติ"
ทั้งนี้สถานีวิทยุของกองทัพอิสราเอลได้รายงานว่ากองทัพอิสราเอลได้ถูกระงับแผนที่จะขยายกำลังกองเรือดำน้ำเป็น 9ลำ แต่ไม่ได้มีการคัดค้านในแผนการจัดหาเรือดำน้ำใหม่ทดแทนเรือเก่า 3ลำ

เรือดำน้ำชั้น Dolphin กองทัพเรืออิสราเอลนั้นมีพื้นฐานพัฒนาจากเรือดำน้ำชั้น Type 209 ของบริษัท HDW ในเครือ ThyssenKrupp Marine Systems(TKMS) เยอรมนี ซึ่งมีการขยายแบบและดัดแปลงจนแตกต่างจากเรือ Type 209 ที่เยอรมนีสร้างส่งออกหลายประเทศเป็นอย่างมาก
โดย Dolphin1 3ลำแรกมีตัวเรือยาว 57.3m ระวางขับน้ำขณะดำใต้น้ำ 1,900tons ทำความเร็วได้ 20knots และ Dolphin2 3ลำหลังมีตัวเรือยาว 68.6m ระวางขับน้ำขณะดำใต้น้ำ 2,400tons ทำความเร็วได้ 25knots เป็นเรือดำน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่เยอรมนีสร้างหลังสงครามโลกครั้งที่2
เรือดำน้ำ Dolphin ดำได้ลึกสุดอย่างน้อย 350m มีกำลังพลประจำเรือ 35นาย เพิ่มเติมได้อีก 10นาย ระบบอาวุธมีท่อยิง Torpedo 533mm 6ท่อยิง และท่อยิง Torpedo 650mm 4ท่อยิง โดยเชื่อว่าสามารถทำการยิงอาวุธปล่อยนำวิถีร่อนติดหัวรบนิวเคลียร์ได้ด้วยครับ

วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

รัสเซียอาจจะปรับปรุงรถถังหลัก T-80BV เพื่อกลับมาประจำการใหม่ และจะออกแบบอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถังอัตตาจรรุ่นใหม่

Russia may upgrade and return T-80BV tanks to service
Some of Russia's old T-80BV tanks could be upgraded to the T-80U-E1 standard (pictured). Source: Nikolai Novichkov
http://www.janes.com/article/65580/russia-may-upgrade-and-return-t-80bv-tanks-to-service

กระทรวงกลาโหมรัสเซียกำลังมีแผนที่จะนำรถถังหลัก T-80BV บางส่วนที่เก็บสำรองไว้นำกลับมาประจำการอีกครั้งโดยทำการปรับปรุงใหม่ ตามแหล่งข่าวจากกลุ่มอุตสาหกรรมความมั่นคงรัสเซีย
"ณ ขณะนี้การเตรียมงานเริ่มต้นการปรับปรุงรถถังหลัก T-80BV คันแรกอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ในข้อตกลงกับโครงการที่พัฒนาโดย Omsktransmash และสำนักออกแบบพิเศษเพื่อการสร้างเครื่องจักรขนส่ง(SKBTM: Special Design Bureau for Transport Machine-Building)
จะทำการยกเครื่องและปรับปรุงรถถังหลัก T-80BV ของกระทรวงกลาโหมที่จะออกมามาในปีหน้า (เราจะกำลังทำ) งานที่เกี่ยวข้องที่โรงงาน Omsktransmash" แหล่งข่าวกล่าวเสริมว่าจำนวนของรถถังที่จะปรับปรุงและข้อตกลงของโครงการจะกำหนดโดยกองทัพ

การปรับปรุงรถถังหลัก T-80BV จะใช้ระบบควบคุมการยิง Sosna-U เช่นเดียวกับที่ใช้ในรถถังหลัก T-72B3 และ T-90, ปรับปรุงเครื่องกำเนิดพลังงานและการติดเครื่องยนต์ และเกราะปฏิกิริยาแรงระเบิด(ERA: Explosive Reactive Armour)ขั้นก้าวหน้า
รถถังหลัก T-80BV ที่ได้รับการปรับปรุง(ตามแบบแผน T-80UE1 หรือ object 219AS1) จะมีความเหมาะสมในการใช้งานในสภาพภูมิอากาศของเขต Arctic, ตะวันออกไกล และ Siberia แหล่งข่าวยังกล่าวเสริมว่า
"(ก่อนหน้านี้) รถถังหลัก T-80BV มีบทบาทสำคัญในกองทัพ โครงการปรับปรุงรถถังหลัก T-80 ประมาณ 3,000คันมีขึ้นย้อนไปได้ตั้งแต่ปี 2002 อย่างไรก็ตามมันได้รับการดำเนินการ
(อุตสาหกรรมความมั่นคง) ได้พัฒนาส่วนประกอบการรบครบวงจร, ปืนใหญ่รถถังใหม่พร้อมกระสุนใหม่ที่มีประสิทธิภาะขั้นก้าวหน้า, เกราะ ERA และอื่นๆ ดังนั้นคุณสมบัติการปรับปรุง T-80 การสิ้นเปลืองเชื้อพลิงไม่ได้ไม่เป็นที่คาดหวังเหมือนของรถถังหลัก T-90"

ปัจจุบันกองทัพบกรัสเซียมีรถถังหลัก T-80U ประจำการโดยไม่ระบุจำนวนเชื่อว่าน่าจะประมาณ 550คัน ซึ่งจะเข้าสู่การปลดประจำการใรราวปี 2020 อย่างไรก็ตาม T-80 ยังคงเป็นกุญแจสำคัญของกองทัพบกรัสเซียและยังคงประจำการในหน่วยยานเกราะที่สำคัญที่สุดจำนวนหนึ่ง
(T-80BV ใช้เครื่องยนต์ Gas Turbine แบบ GTD-1000 กำลัง 1,100HP และติดเกราะ ERA แบบ Kontakt-1 ส่วน T-80U ใช้เครื่องยนต์ Gas Turbine แบบ GTD-1250 กำลัง 1250HP และติดเกราะ ERA แบบ Kontakt-5)
เช่นรถถังหลัก T-80U ที่ประจำการในกรมรถถังของกองพลรถถังพิทักษ์รัฐที่4 Kantemir ซึ่งตามแผนการปรับปรุงและขยายกองทัพรัสเซียจำเป็นต้องมีการนำรถถังเก่าเข้าประจำการใหม่จำนวนมากครับ

Russia to design new-generation tank killers — Defense Ministry
Artiom Korotaev/TASS
Russia currently has the Khrizantema-S and Shturm-SM antitank missile systems in service
http://tass.com/defense/913218

พลโท Mikhail Matveyevsky ผู้บัญชาการกองกำลังอาวุธปล่อยนำวิถีและปืนใหญ่กองทัพรัสเซียได้ให้ข้อมูลกับสื่อเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า รัสเซียมีแผนที่จะออกแบบระบบอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถังอัตตาจรรุ่นใหม่
"เราได้วางแผนการพัฒนาระบบอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถังอัตตาจรยุคใหม่ไว้แล้ว ซึ่งระบบรุ่นใหม่นั้นจะมีหลักการทำงานดังนี้คือ 'ยิง, ลืม, ถูกเป้า' " นายพล Matveyevsky กล่าว
ปัจจุบันกองทัพรัสเซียมีระบบอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถัง Khrizantema-S และ Shturm-SM ประจำการ ซึ่งมีความสามารถในการทำลายเป้าหมายเคลื่อนที่และเป้าหมายประที่ในอากาศและภาคพื้นดิน ที่รวมทั้งรถถังหลัก, เรือผิวน้ำขนาดเล็ก, อากาศยานเพดานบินระดับต่ำ และป้อมปราการครับ

วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ภาพเครื่องบินฝึกไอพ่น Yak-130 กองทัพอากาศพม่าทำการบินครั้งแรก

Yak-130 Myanmar Air Force First flight!
http://russianplanes.net/id200891

ภาพล่าสุดของเครื่องบินฝึกไอพ่น Yak-130 หมายเลขเครื่อง 130.12.03-0101 ที่ทำการบินทดสอบครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเครื่องที่เพิ่งประกอบเสร็จจากโรงงานอากาศยาน Irkutsk ของสำนักออกแบบ Yakovlev บริษัท Irkut Corporation ในเครือ United Aircraft Corporation กลุ่มอุตสาหกรรมอากาศยานรัสเซีย
มีการระบุว่า Yak-130 ที่ยังคงใช้สีรองพื้นในภาพนี้เป็นเครื่องชุดแรกของกองทัพอากาศพม่า โดยกองทัพอากาศพม่าได้ลงนามจัดหา Yak-130 จากรัสเซียจำนวนหนึ่งผ่าน Rosoboronexport รัฐวิสาหกิจด้านการส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์ของรัฐบาลรัสเซียตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน 2015
คาดว่ากองทัพอากาศพม่าจะได้รับมอบเครื่องบินฝึก Yak-130 ชุดแรกจำนวน 3เครื่องในราวสิ้นปี 2016 คือเดือนธันวาคมนี้ หรือในราวกลางปี 2017 ทำให้พม่าจะเป็นลูกค้ารายที่4ที่จัดหา Yak-130 จากรัสเซียต่อจากกองทัพอากาศเบลารุส 8เครื่อง, กองทัพอากาศแอลจีเรีย 16เครื่อง และกองทัพอากาศบังคลาเทศ 16เครื่อง

ปัจจุบันกองทัพอากาศพม่ามีเครื่องบินฝึกไอพ่น Hongdu K-8 สาธารณรัฐประชาชนจีนจำนวน 18เครื่อง นอกจากภารกิจฝึกบินขั้นก้าวหน้าแล้วยังพบว่ากองทัพอากาศพม่าใช้ K-8 เป็นเครื่องบินโจมตีเบาติดอาวุธโจมตีทางอากาศต่อกองกำลังชนกลุ่มน้อยบ่อยครั้ง
ตามที่เคยมีรายงานก่อนหน้านี้นั้นกองทัพอากาศพม่ามีความต้องการเครื่องบินฝึก K-8 ราว 50เครื่อง โดยมีบางรายงานระบุว่าพม่ามีขีดความสามารถในการประกอบสร้าง K-8 ในโรงงานภายในประเทศตนเองโดยความช่วยเหลือทางเทคนิคจากจีนด้วย
การจัดหาเครื่องบินฝึกไอพ่น Yak-130 ของกองทัพอากาศพม่าซึ่งมีสมรรถนะและความก้าวหน้ามากกว่า K-8 จึงน่าจะเป็นเพื่อรองรับการฝึกนักบินพร้อมรบที่จะทำการบินกับเครื่องบินขับไล่ที่มีความก้าวหน้าสูงเช่น FC-1/JF-17 ที่จะไดรับมอบในสิ้นปีนี้หรือปีหน้า หรือแบบอื่นต่อไปในอนาคต รวมถึงภารกิจการโจมตีเบาทางอากาศด้วยระบบอาวุธที่มีความแม่นยำสูงด้วยครับ

กองทัพเรืออังกฤษจะปลดประจำการอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ Harpoon ในสิ้นปี 2018

UK to retire GWS 60 Harpoon at end of 2018
The GWS60/Harpoon system is fitted to the RN's 13 Type 23 frigates. Shown here is a High Seas Firing from HMS Argyll. Source: UK Ministry of Defence
http://www.janes.com/article/65445/uk-to-retire-gws-60-harpoon-at-end-of-2018

สหราชอาณาจักรจะปลดประจำการอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ GWS 60/Harpoon Block 1C จากกองทัพเรือสหราชอาณาจักร(Royal Navy)ในสิ้นปี 2018 โดยไม่มีการจัดหาระบบอื่นทดแทน
การปลดประจำการอาวุธปล่อยนำวิถี Harpoon จะทำให้เรือรบของกองทัพเรืออังกฤษไม่มีอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นขนาดหนักอีกต่อไป ทำให้เกิดช่องว่างด้านขีดความสามารถสงครามต่อต้านเรือผิวน้ำระยะเกินเส้นขอบฟ้า
นอกจากนี้อาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ Sea Skua ที่ทำการยิงจากเฮลิคอปเตอร์ก็จะปลดประจำการ(OSD: Out of Service) ในสิ้นเดือนมีนาคมปี 2017
ทำให้กองทัพเรืออังกฤษจะปราศจากอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเป้าหมายภาคพื้นดินใดๆเป็นระยะเวลาราวสองปีก่อนที่จะมีการนำอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำขนาดเบา Sea Venom/ANL ที่ติดตั้งกับเฮลิคอปเตอร์ Wildcat HMA.2 เข้าประจำการในปลายปี 2020

Harpoon Block 1C เป็นอาวุธปล่อยนำวิถีระบบขับเคลื่อน Turbojet ทำการบินเรี่ยดผิวน้ำซึ่งทำงานโดยอัตโนมัติหลังการยิง มีความเร็วเดินทาง 0.9Mach พิสัยการยิงไกลสุด 130km
เมื่อทำการยิงจรวดจะทำการบินมุ่งไปยังทิศทางของเป้าหมายที่ตั้งค่าไว้ด้วยการนำร่องจากแรงเฉื่อย ก่อนจะใช้ระบบค้นหา Active Radar ความถี่ J-band ที่หัวจรวดค้นหาและกำหนดเป้าหมายในพื้นที่
Harpoon ยังสามารถกำหนดเส้นทางการบินได้หลายเส้นทางก่อนทำการยิงโดยใช้ระบบบังคับการควบคุมการยิงบนเรือแบบ AN/SWG-1A บนเรือ
ดั้งเดิมอาวุธปล่อยนำวิถี Harpoon ถูกพัฒนาบริษัท McDonnell Douglas สหรัฐฯ ซึ่งต่อมาถูกควบรวมกิจการโดยบริษัท Boeing สหรัฐฯในปัจจุบัน

ระบบ GWS 60 Harpoon ถูกจัดหาตามการแข่งขันในปี 1984 ตรงตามความต้องการของกองทัพเรือสหราชอาณาจักรที่กำหนดใน Staff Requirement (Sea) 6548
สำหรับอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้น(SSGW) รุ่นที่สอง ที่จะติดตั้งบนเรือฟริเกต Type 22 batch 3 และเรือฟริเกต Type 23 ปัจจุบันระบบ Harpoon ถูกติดตั้งเรือฟริเกต Type 23 ทั้ง 13ลำ และเรือพิฆาต Type 45 3ลำจากทั้งหมด 6ลำ
ในกรณีหลังเรือพิฆาต HMS Daring, HMS Diamond และ HMS Duncan ทั้งหมดติดตั้งระบบอุปกรณ์ Harpoon ส่วนเกินที่ถอดจากเรือฟริเกต Type 22 Batch 3 ที่ปลดประจำการแล้วตอนนี้

ในเดือนกรกฎาคม 2014 ฝ่ายยุทโธปกรณ์และการสนับสนุนกลาโหม(DE&S: Defence Equipment and Support) ได้ร้องขอสำหรับการสนับสนุนการประจำการ GWS60 และการออกแบบหลังประจำการที่ยืนยันแผนการปลดประจำการ Harpoon ในปี 2018
ทั้งนี้ปัจจุบันกระทรวงกลาโหมอังกฤษไม่มีงบประมาณสำหรับโครงการจัดหาระบบทดแทน Harpoon แต่อย่างใดครับ

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของจีน Liaoning ขณะนี้มีความพร้อมรบแล้ว และเรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov รัสเซียเริ่มปฏิบัติการทางอากาศครั้งแรกในซีเรีย

China's first aircraft carrier now 'combat ready', say Chinese media
China's only operational aircraft carrier, Liaoning, carrying eight J-15 fighters and two helicopters. Source: Via fyjs.cn
http://www.janes.com/article/65539/china-s-first-aircraft-carrier-now-combat-ready-say-chinese-media


สื่อจีนรายงานว่าเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน(PLAN: People's Liberation Army Navy) คือ CV-16 Liaoning ขณะนี้มีความพร้อมในการปฏิบัติการรบแล้ว
นาวาเอกอาวุโส Li Dongyou นายทหารการเมืองประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน Liaoning กล่าวกับหนังสือพิมพ์ Global Times เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนว่า
"ในฐานะกำลังรบทางทหาร เราพร้อมรบตลอดเวลาและขีดความสามารถทางการรบของเราจำเป็นที่จะต้องทดสอบด้วยสงคราม ณ ช่วงเวลานี้เรากำลังทำการเพิ่มพูนความแข็งแกร่งที่ดีที่สุดและใช้มันเพื่อหลีกเลี่ยงสงคราม แต่เราก็พร้อมสำหรับการรบจริงทุกเวลา"

เรือบรรทุกเครื่องบิน Liaoning เดิมเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินชั้น Admiral Kuznetsov รัสเซียที่ชื่อ Varyag ซึ่งสร้างไม่เสร็จสมัยอดีตสหภาพโซเวียต โดยจีนได้ซื้อต่อจากยูเครนมาสร้างต่อเองจนเสร็จสมบูรณ์และเข้าประจำการในปี 2012
เรือบรรทุกเครื่องบินระวางขับน้ำ 60,000tons นี้เคยถูกมองว่าเป็นเรือสำหรับการฝึกและพัฒนามากกว่าที่จะถูกในปฏิบัติการจริง นี่จึงเป็นครั้งแรกที่มีการกล่าวอย่างเป็นทางการว่าเรือบรรทุกเครื่องบิน Liaoning นั้นพร้อมสำหรับการรบ

เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาสถานีโทรทัศน์ CCTV จีนได้ออกอากาศรายงานภาพเรือบรรทุกเครื่องบิน Liaoning บรรทุกเครื่องบินขับไล่ J-15 8เครื่อง ที่ผลิตโดย Shenyang Aircraft Corporation(SAC) เช่นเดียวกับเฮลิคอปเตอร์ Z-18 และ Z-9 บนเรือ
เป็นการปรากฎภาพอากาศยานจำนวนมากบนเรือบรรทุกเครื่องลำเดียวของจีนที่เข้าประจำการในขณะนี้ นับตั้งแต่มีการทดสอบการปฏิบัติการของอากาศยานบนเรือครั้งแรกเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2012
ภาพที่ปรากฎในสื่อจีนได้ให้ความเห็นว่าเรือบรรทุกเครื่องบิน Liaoning ได้แสดงถึงการขยายขีดความสามารถทางการรบ โดยรายการโทรทัศน์ที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พลเรือตรี Yin Zhou กล่าวว่า Liaoning สามารถบรรทุกอากาศยานได้ 20เครื่อง
ตอนนี้จีนได้พัฒนาเฮลิคอปเตอร์ Z-18J รุ่นแจ้งเตือทางอากาศ(AEW: Airborne Early Warning) และ Z-18F รุ่นต่อต้านเรือดำน้ำ(ASW: Anti-Submarine Warfare) ซึ่งจะถูกนำมาปฏิบัติการร่วมกับ J-15 เพื่อเป็นกองบินประจำเรือบรรทุกเครื่องบินอย่างเต็มอัตรา

Jane's ได้เคยรายงานในเดือนสิงหาคมว่าเป็นที่ทราบว่าเรือบรรทุกเครื่องบิน Liaoning ได้ถูกนำไปใช้ในภารกิจระยะสั้นหลักที่ Bohai และทะเลเหลืองเพื่อสนับสนุนภารกิจการฝึกของกองกำลังอากาศนาวีหลัก
ซึ่ง Liaoning เคยปฏิบัติการวางกำลังระยะไกลจากฐานทัพเรือกองเรือทะเลเหนือไปยังฐานทัพเรือ Sanya ในเกาะ Hainan เมื่อปลายปี 2013 ซึ่งเป็นครั้งเดียวที่มีการจัดกำลังหมู่เรือคุ้มกันประกอบด้วยเรือพิฆาตและเรือฟริเกตครับ

Russian forces launch large-scale operation against terrorists in Syria
According to the Russian defense minister, the operation involves frigates Admiral Grigorovich and Admiral Kuznetsov
http://tass.com/defense/912467


ขณะเดียวกันเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมาหมู่เรือรบรัสเซียที่วางกำลังในทะเล Mediterranean ตะวันออกได้เริ่มปฏิบัติการโจมตีกองกำลังติดอาวุธก่อการร้ายใน Idlib และ Homs ซีเรีย
ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov เรือบรรทุกเครื่องบินลำเดียวของกองทัพเรือรัสเซียได้ออกปฏิบัติการรบในสงครามจริง

"วันนี้เวลา 1030 และ 1100 เราได้เริ่มปฏิบัติการขนาดใหญ่ในการยิงอาวุธโจมตีที่ตั้งกลุ่มก่อการร้าย Islamic State และ Jabhat al-Nusra ในจังหวัด Idlib และ Homs นี่เป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์กองทัพเรือรัสเซียที่เรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov มีส่วนร่วมในปฏิบัติการรบ
การโจมตีมีเป้าหมายที่คลังอาวุธและศูนย์ฝึกและยังรวมโรงงานผลิตอาวุธทำลายล้างสูง ก่อนหน้านั้นเราได้ดำเนินการอย่างมากในการลาดตระเวนต่อเป้าหมายสำคัญทั้งหมด จากขั้นนี้เป้าหมายทั้งหมดได้รับการกำหนดแล้ว
คุณก็ทราบว่าเราได้ส่งกลุ่มกำลังป้องกันนิวเคลียร์,ชีวะ เคมี ขนาดใหญ่เพื่อกำจัดนักสร้างอาวุธเคมีที่ผู้ก่อการร้ายได้ใช้โจมตีเมื่อสัปดาห์ก่อนสองครั้ง กรณีหนึ่งมี 27คนที่ได้รับการพยาบาลและ3คนเสียชีวิต อีกกรณี 30คนได้รับการรักษา ซึ่งผมหมายถึงนักรบของกองทัพซีเรีย
ดังนั้นนั่นเป็นมาตรการที่จะถูกนำมาใช้ในการต่อต้านการก่อการร้ายในซีเรีย" รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย Sergey Shoigu กล่าว

การปฏิบัติการโจมตีครั้งนี้ยังรวมถึงเรือฟริเกต Admiral Grigorovich ที่ได้ยิงอาวุธปล่อยนำวิถีร่อน Kalibr ในทะเล และอาวุธปล่อยนำวิถีป้องกันชายฝั่งอัตตาจร Bastion ยิงจากบนบก
โดยเรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov ส่งเครื่องบินขับไล่ Su-33 ออกปฏิบัติการจากเรือ ซึ่งผลการปฏิบัติการจะถูกติดตามและประเมินผลโดยทันทีจากเครื่องบินตรวจการณ์และอากาศยานได้คนขับครับ

MIG-29 fighter jet crashes into Mediterranean off Syrian coast
Lev Fedoseev/TASS
The pilot ejected safely from the plane, the Russian Defense ministry said
http://tass.com/defense/912280

อย่างไรก็ตามมีรายงานก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนว่าเครื่องบินขับไล่ MiG-29K ได้ประสบอุบัติเหตุตกทะเลขณะกำลังจะทำการบินลงจอดบนเรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov โดยนักบินดีดตัวออกและได้รับการช่วยเหลือจากเฮลิคอปเตอร์อย่างปลอดภัย
"นักบินดีดตัวเองออกจากเครื่องและได้รับการช่วยเหลือจากกำลังพลในหน่วยค้นหาและกู้ภัยของเรือ Admiral Kuznetsov เขาไม่ได้รับอันตรายใดๆและเขาพร้อมที่จะปฏิบัติการต่อไปในอนาคต" รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย Sergey Shoigu กล่าวในการแถลง

หมู่เรือเฉพาะกิจของกองทัพเรือรัสเซียจากกองเรือทะเลเหนือประกอบด้วยเรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov ที่มีกำลังหลักเป็นเครื่องบินขับไล่ Su-33 และ MiG-29K ในการครองอากาศและโจมตีภาคพื้นดิน
,เรือลาดตระเวนติดอาวุธปล่อยนำวิถีพลังงานนิวเคลียร์ Pyotr Veliky, เรือพิฆาตปราบเรือดำน้ำชั้น Udaloy คือ Severomorsk และ Vice-Admiral Kulakov และเรือส่งกำลังบำรุงขนาดใหญ่เป็นต้น ภายใต้การบัญชาการของ นาวาเอก Sergei Artamonov ครับ

วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

กองทัพเรือบังคลาเทศรับมอบเรือดำน้ำ Type 035G จากจีน 2ลำ

Bangladesh Navy acquires two submarines.
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10154160067223576&set=a.407700938575.188419.759918575

Bangladesh Navy gets 2 submarines
Chief of Naval Staff Admiral Nizamuddin Ahmed (right) receives two first-ever Chinese submarines at Liaonan Shipyard in China on November 14, 2016. Photo Courtesy: Bangladesh Navy
http://www.thedailystar.net/country/bangladesh-navy-gets-2-chinese-submarines-1314553

Bangladesh gets first submarines 'Nabajatra', 'Joyjatra' from China


http://bdnews24.com/bangladesh/2016/11/14/bangladesh-gets-first-submarines-nabajatra-joyjatra-from-china

วันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ณ อู่ต่อเรือ Liaonan ใน Dalian มณฑล Liaoning สาธารณรัฐประชาชนจีน กองทัพเรือบังคลาเทศได้ทำพิธีรับมอบเรือดำน้ำดีเซล-ไฟฟ้าชั้น Type 035G (NATO กำหนดรหัส Ming)ที่ผ่านการปรับปรุงแล้ว 2ลำ
คือ BNS Nabojatra และ BNS Joyjatra ซึ่งเดิมเป็นเรือที่เคยประจำการในกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน นับเป็นการเข้าประจำการของเรือดำน้ำชั้นแรกของกองทัพเรือบังคลาเทศนับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศมา

"ด้วยการนำเรือดำน้ำเหล่านี้เข้าประจำการ กองทัพเรือบังคลาเทศได้เริ่มต้นการเดินทางสู่การเป็นกำลังรบสามมิติ" พลเรือเอก Mohammad Nizamuddin Ahmed ผู้บัญชาการทหารเรือบังคลาเทศกล่าวในพิธี โดยพลเรือตรี Liu Zizhu ตัวแทนจากรัฐบาลจีนร่วมพิธีด้วย
ผู้บัญชาการกองทัพเรือบังคลาเทศได้กล่าวขอบคุณกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีนในการปรับปรุงเรือดำน้ำและการฝึกกำลังพลของกองทัพเรือบังคลาเทศ รวมถึงการก่อสร้างฐานเรือดำน้ำและระบบสนับสนุนที่ Pekua ใน Cox's Bazar
ซึ่งตามรายงานในเวลาเดียวกันนี้กำลังพลของกองทัพเรือบังคลาเทศได้เสร็จสิ้นการทดลองเรือในทะเลและการฝึกการปฏิบัติการกับเรือดำน้ำจริงแล้ว เรือดำน้ำทั้งสองลำจะเดินทางไปยังบังคลาเทศเพื่อเข้าประจำการในเร็วๆนี้เพื่อเข้าประจำการในราวปีหน้า(2017)

เรือดำน้ำ Type 035G ทั้งสองลำของกองทัพเรือบังคลาเทศคือ BNS Nabojatra และ BNS Joyjatra มีความยาวตัวเรือ 76m กว้าง 7.6m ระวางขับน้ำขณะดำใต้น้ำ 2,110tons อาวุธ Torpedo 533mm 6ท่อยิงและทุ่นระเบิดซึ่งมีขีดความสมารถในการทำลายเรือผิวน้ำและเรือดำน้ำข้าศึก
การลงนามสัญญาโครงการจัดหาเรือดำน้ำมือสองจากจีนวงเงินราว $203.5 million เริ่มขึ้นตั้งแต่สมัยอดีตผู้บัญชาการทหารเรือบังคลาเทศ พลเรือโท Zahir Uddin Ahmed โดยเขากล่าวว่า "วันนี้กองทัพเรือบังคลาเทศได้รับความสำเร็จแล้ว นี่เป็นการเริ่มต้นของกำลังรบสามมิติซึ่งรวมเรือดำน้ำ"
การจัดหาเรือดำน้ำจะทำให้กองทัพเรือบังคลาเทศเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันน่านน้ำของตนเองมากขึ้นกว่าแต่ก่อน อดีตนายพลเรือยังกล่าวอีกว่ากองทัพเรือต้องมุ่งมั่นในการพัฒนาขีดความสามารถในการใช้เรือดำน้ำโดยการสร้างกองบินพิเศษขึ้นมา
อดีตผู้บัญชาการทหารเรือบังคลาเทศยังกล่าว่า "ท่ามกลางข้อจำกัดมากมาย เราจะเดินหน้ารักษาแนวคิดแผนการพัฒนากำลังรบ Forces Goal 2030 เราหวังว่าเราจะสามารถสร้างสมดุลกำลังทางเรือได้ใน 10ปีข้างหน้า"

กองทัพเรือบังคลาเทศต้องขอบคุณนายกรัฐมนตรีบังคลาเทศ นาง Sheikh Hasina ซึ่งเธอได้อนุมัติให้รัฐบาลบังคลาเทศปฏิรูปกองทัพเรือให้ทันสมัยซึ่งร่วมถึงโครงการจัดหาเรือดำน้ำ
ซึ่งตั้งแต่ปี 2014 บังคลาเทศได้จัดหาเรือฟริเกตชั้น Type 053H2 จากจีน 2ลำเข้าประจำการคือ F15 BNS Abu Bakar และ F17 BNS Ali Haider รวมถึงการจัดหาเรือรบและเรือตรวจการณ์ที่ส่วนหนึ่งสร้างในประเทศ และเครื่องบินลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อให้กองทัพเรือในช่วงสามปีนี้ครับ