วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

พม่าอาจจะสร้างรถหุ้มเกราะล้อยาง BTR-4U และปืนใหญ่อัตตาจรสายพาน 2S1U ยูเครนในประเทศ

Ukranian BTR-4E 8x8 Armoured Personnel Carrier(wikipedia.org)

http://diana-mihailova.livejournal.com/321889.html
in 2016 Ukranian's Ukrspetsexport state company was delivered equipment for the production of BTR-4U and 2S1U to the Defense Industry, Chief of the Staff of the Armed Forces of the Republic of the Union of Myanmar

มีรายงานเอกสารการขนส่งของ Ukrspetsexport หน่วยงานการจัดการส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์ของรัฐบาลยูเครนในปี 2016 ว่าได้มีการส่งมอบอุปกรณ์และชิ้นส่วนโครงรถเหล็กเชื่อมน้ำหนัก 15tons
ให้กับคณะกรรมการอุตสาหกรรมกลาโหม กองทัพพม่า(DDI: Directorate of Defense Industries) สำหรับการผลิตรถหุ้มเกราะล้อยาง BTR-4U 8x8 และรถเกราะสายพานสำหรับเพื่อใช้เป็นรถแคร่ฐานและป้อมปืนใหญ่ของระบบปืนใหญ่อัตตาจรล้อยาง 2S1U ในประเทศ
ซึ่งกองทัพพม่าได้ลงนามสัญญาการจัดหาการผลิตประกอบและทดสอบดังกล่าวกับยูเครนในปี 2014 วงเงิน $44,301,966 นอกจากนี้ยังรวมถึงชิ้นส่วนอะไหล่ของ Radar ตรวจการณ์ทางอากาศแบบ 36D6 และอื่นๆน้ำหนัก 25kg วงเงิน $86,700 ด้วย

Myanmar Army MT-LBMSh Armored Personnel Carrier

ก่อนหน้านี้กองทัพบกพม่าได้จัดหารถหุ้มเกราะล้อยางลำเลียงพล BTR-3U 8x8 จำนวน 92คัน ของยูเครน โดยการจัดส่งชิ้นส่วนจากยูเครนมาทำการประกอบในประเทศช่วงปี 2003-2006 มาแล้ว
ส่วนปืนใหญ่อัตตาจรสายพาน 2S1U นั้นเป็นระบบของยูเครนในการปรับปรุงปืนใหญ่อัตตาจรสายพาน 2S1 Gvozdika ขนาด 122mm ให้มีความทันสมัยขึ้น ซึ่งพม่าจะดำเนินการประกอบป้อมปืนใหญ่และรถแคร่ฐานในประเทศ
ป.อัตตาจร 2S1 นั้นใช้รถแคร่ฐานแบบ MT-LB ซึ่งมีประจำการในกองทัพบกพม่าคือรุ่น MT-LBMSh ที่เป็นแบบแผนปรับปรุงให้ทันสมัยโดยยูเครนติดป้อมปืนใหญ่กล Shturm 30mm ซึ่งดำเนินการปรับปรุงในประเทศครับ

วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

รัสเซียและตุรกีอาจจะหารือการจัดซื้อระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 ในเดือนมีนาคมนี้

Russia, Turkey may discuss purchase of S-400 systems at March talks
Spokesman for the Turkish president Ibrahim Kalin said that "in the context of negotiations on this issue, there are a lot of technical issues" that require a detailed discussion
http://tass.com/defense/932482

ผู้นำของรัสเซียและตุรกีอาจจะหารือเรื่องการจัดซื้อระบบป้องกันภัยทางอากาศขั้นก้าวหน้า S-400 ในการประชุมสภาความร่วมมือระดับสูงระหว่างรัสเซีย-ตุรกีในเดือนมีนาคมนี้ ตามคำกล่าวของโฆษกประธานาธิบดีตุรกี Ibrahim Kalin เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
"การพูดคุยเรื่อง S-400 กำลังดำเนินอยู่ รัฐมนตรีอุตสาหกรรมกลาโหมและประธานาธิบดีได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนั้นแล้ว เรากำลังติดตามอย่างใกล้ชิดในการเจรจา ผมไม่ทราบว่าเราจะมีเวลาพอจะจัดการเรื่องนี้ก่อนถึงการประชุมระดับสูงระหว่างรัสเซีย-ตุรกีที่จัดขึ้นที่รัสเซียหรือไม่
แต่แน่นอนหัวข้อนี้จะถูกยกขึ้นมาในระดับผู้นำ ในเนื้อหาของหัวข้อการเจรจามีเรื่องทางเทคนิคจำนวนมาก ที่จำเป็นหารือในรายละเอียด" นาย Kalin กล่าวในการเผยแพร่ของสถานีโทรทัศน์ TRT TV
เมื่อสอบถามถึงความเป็นไปได้เรื่องความไม่เข้ากันได้กับระบบ NATO ที่อาจจะเป็นปัญหาในการจัดซื้อระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ S-400 ทางโฆษกประธานาธิบดีตุรกีกล่าวว่า
"ดูเหมือนจะยังไม่เห็นปัญหาหรือแง่ลบใดๆ อนึ่งมีตัวอย่างที่ประเทศกลุ่ม NATO บางประเทศที่กำลังใช้งานระบบแบบนี้ เรารู้เกี่ยวพวกเขา ปัญหาความเข้ากันได้นั้นแก้ไขได้ง่ายมากในระดับทางเทคนิค" (น่าจะพูดถึงอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ  S-300 ของกองทัพอากาศกรีซ)

มีรายงานก่อนหน้านี้ว่าการประชุมสภาความร่วมมือระดับสูงระหว่างรัสเซีย-ตุรกีจะจัดขึ้นที่รัสเซียที่ Moscow วันที่ 10 มีนาคมนี้ โดยระหว่างการเยือนรัสเซียของประธานาธิบดีตุรกี นาย Recep Tayyip Erdogan นั้นนาย Kalin กล่าวว่า
ประเด็นการหารือจะเป็นการทำข้อตกลงความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศให้กลับสู่ภาวะปกติ การยกเลิกการคว่ำบาตทางการค้าที่เป็นผลหลังจากที่ F-16 กองทัพอากาศตุรกียิง Su-24 ตกและนักบินรัสเซีย1นายถูกกลุ่มติดอาวุธสังหารในซีเรียเมื่อปลายปี 2015 และการต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายในซีเรีย
"การเดินทางเยือนสหพันธรัฐรัสเซียของประธานาธิบดีเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมสภาความร่วมมือระดับสูงที่จัดขึ้นในเดือนมีนาคม ตอนนี้เนื้อหาของความสัมพันธ์ระดับปกติการทำงานกำลังดำเนินในเรื่อการยกเลิกการคว่ำบาตหลังเหตุการเครื่องบินรบนั้น(24 พฤศจิกายน 2015)
เราหวังว่าระหว่าการเยือนงานนี้จะเสร็จสิ้น วาระสำคัญในการประชุมยังรวมถึงการรบในซีเรียเพื่อต่อต้านการก่อการร้าย หัวข้อเกี่ยวกับอิรักและความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี ระหว่าการเยือนนี้เรายังมีความเป็นไปได้ว่าจะหารือในหัวข้ออื่นๆด้วย" นาย Kalin กล่าวครับ

วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เลือกจัดหารถรบทหารราบล้อยาง Rabdan และรถหุ้มเกราะล้อยาง Jais

IDEX 2017: UAE selects Rabdan 8x8 IFV
The Rabdan was displayed fitted with a BMP-3 turret on the Tawazun stand at IDEX. Source: IHS Markit/Patrick Allen
http://www.janes.com/article/68196/idex-2017-uae-selects-rabdan-8x8-ifv

IDEX 2017: Nimr contracted to deliver 1,500 Jais vehicles to UAE military
A Jais that had been damaged in battle in Yemen was displayed on the Nimr stand at IDEX. (Patrick Allen/IHS Markit)
http://www.janes.com/article/68201/idex-2017-nimr-contracted-to-deliver-1-500-jais-vehicles-to-uae-military

ในงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ IDEX 2017 ที่ Abu Dhabi กองทัพสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(UAE: United Arab Emirates)ได้ประกาศการจัดหารถรบทหารราบล้อยาง 8x8 Rabdan จำนวน 400คัน
ซึ่ง Rabdan 8x8 ถูกพัฒนาโดยบริษัท Al-Jasoor ที่เป็นความร่วมมือระหว่าง Heavy Vehicles industries(HVI) ในเครือ Tawazun Holdings กลุ่มองค์กรการพัฒนาอุตสาหกรรมของ UAE กับบริษัท Otokar Land systems ตุรกี
Tawazun กล่าวในการแถลงว่า "การตัดสินใจจัดซื้อรถเกราะแบบได้เกิดขึ้นผ่านตามการประเมินค่าทางพาณิชย์และเทคนิคโดย Tawazun ซึ่งรถได้ประสบความสำเร็จในการผ่านการทดสอบอย่างก้าวขวางในทุกภูมิประเทศของ UAE"

รถหุ้มเกราะล้อยาง Rabdan ที่ตั้งแสดงในส่วนจัดแสดงของ Tawazun ในงาน IDEX 2017 นั้นมีพื้นฐานพัฒนามาจากรถหุ้มเกราะล้อยาง Arma 8x8 ของ Otokar ตุรกี โดยติดตั้งป้อมปืนใหญ่ของรถรบทหารราบสายพาน BMP-3 IFV(Infantry Fighting Vehicle) รัสเซีย
คุณสมบัติตามข้อมูลของ Tawazun รถเกราะ Rabdan มีน้ำหนักตัวรถต่ำสุด(gross vehicle weight) 28tons และเพิ่มได้เป็น 30tons เมื่อเทียบกับรถเกราะ Arma ที่มีน้ำหนักรถ 24tons มีขีดความสามารถสะเทินน้ำสะเทินบกในรุ่นมาตรฐานรถรบทหารราบและเป็นตัวเลือกเสริมในรุ่นอื่นๆ
ตามการแแถลงของ Tawazun การสั่งจัดหารถคาดว่าจะมีวงเงินมากกว่า AED2 billlion($540 million) ซึ่งตามประกาศสัญญาจัดหาของกองทัพ UAE ที่ออกมานั้นได้ร่วมสัญญาวงเงิน AED2.43 billion($656 million) กับ Tawazun ในการจัดหารถเกราะล้อยาง 8x8

Otokar ได้ออกแถลงการกล่าว่าสัญญามีวงเงิน $661 million และยืนยันการจัดตั้งบริษัทร่วมกับ Tawazun ใน UAE ชื่อ Al-Jasoor เพื่อสร้างรถเกราะใน UAE จากข้อความของผู้อำนวยการบริหาร Ali Koc กล่าวว่า Al-Jasoor จะสามารถสร้างรถเกราะให้กับประเทศอื่นในภูมิภาคนี้ในอนาคตได้
แถลงการของ Tawazun กล่าวว่ารถจะถูกผลิตที่ "โรงงานผลิตรถยนต์ที่ทันสมัยที่สุดที่มีในพื้นที่แหล่งอุตสาหกรรม Tawazun ใน Abu Dhabi" ตัวแทนของบริษัท Nimr Automotive ผู้ผลิตรถหุ้มเกราะรายใหญ่ของ UAE ก็กล่าวกับ Jane's ว่าบริษัทมีจะสร้างรถเกราะรุ่นนี้เช่นกัน
ซึ่งในงาน Nimr ก็ประกาศว่าได้รับสัญญาผลิตรถหุ้มเกราะล้อยาง Jais 4x4 และ 6x6 ให้กองทัพUAE 1,500คันในหลายรูปแบบส่งมอบในปี 2018 ซึ่งเดิมคือรถเกราะ RG35 ที่พัฒนาโดย BAE Land Systems South Africa(ตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Denel Vehicle Systems แอฟริกาใต้) ที่ถูกขายต่อให้ Nimr ในชื่อ N35 โดยเปิดตัวเข้าประจำการในการสวนสนามวันชาติ UAE เดือนธันวาคม 2016 และถูกส่งไปปฏิบัติการรบในเยเมนมาแล้วครับ

วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ภาพ Oplot-T ที่ยูเครนล่าสุด-๑๓












https://www.ukrinform.ru/rubric-regions/2181459-grojsmanu-v-harkove-prodemonstrirovali-tank-oplot.html
Prime Minister Vladimir Groisman during a trip to Kharkiv region inspected the "Oplot" tank at the Malyshev factory State Enterprise "Ukroboronprom".

https://www.facebook.com/volodymyrgroysman/videos/505373979631521/
A review in the movement of the tank "Oplot"

นายกรัฐมนตรียูเครน Vladimir Groisman ได้เยี่ยมชมโรงงาน Malyshev ของ KMDB ในเครือกลุ่มอุตสาหกรรมความมั่นคงรัฐบาลยูเครน Ukroboronprom ที่ Kharkiv พร้อมนักศึกษามหาวิทยาลัย Kharkov National University A.M.Beketova urban economy
ในภาพจะเห็นได้ว่าในโรงงาน Malyshev นั้นมีตัวถังรถแคร่ฐานและป้อมปืนของรถถังหลัก Oplot ที่กำลังอยู่ในสายการผลิตประกอบเป็นจำนวนมาก และมีรถที่ประกอบเสร็จแล้วอย่างน้อย ๓คัน ที่รวมถึงรถที่ทดสอบสาธิตสมรรถนะการขับเคลื่อน ๑คันด้วย
ตรงนี้ยังเข้าใจว่ารถในสายการผลิตที่โรงงานนั้นเป็นรถถังหลัก Oplot-T ของกองทัพบกไทยที่ยูเครนส่งมอบให้แล้ว ๒๐คันจากจำนวนที่สั่งจัดหา ๔๙คัน ซึ่งน่าจะมีการตรวจรับและส่งมอบรถให้ไทยต่อไปครับ

ยูเครนเปิดตัวยานยนต์ไร้คนขับ Fantom UGV พร้อมระบบอาวุธใหม่ และ Burevestnik รัสเซียเปิดตัวป้อมปืน Remote 30mm ขนาดเบาใหม่

IDEX 2017: Fantom emerges with new weapons system
Fantom has broadened its weapons fit with the introduction of anti-tank missiles. Source: IHS Markit/Charles Forrester
http://www.janes.com/article/68112/idex-2017-fantom-emerges-with-new-weapons-system

Spets Techno Export ยูเครนได้เปิดตัวยานยนต์ไร้คนขับ Fantom UGV(Phantom Unmanned Ground Vehicle) ที่ติดตั้งแท่นยิงอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถังในงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ IDEX 2017 ที่ Abu Dhabi สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
Fantom ได้เปิดตัวครั้งแรกในงานแสดงยุทโธปกรณ์ด้านความมั่นคงของยูเครนเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ซึ่งติดตั้งแท่นยิงรักษาเสถียรภาพของปืนกลหนัก 12.7mm


แบบระบบอาวุธล่าสุดของ Fantom นั้นได้เพิ่มอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถังนำวิถี Laser แบบ Bar'er(Barrier) แบบแท่นยิงยืดหดได้ 2x2 ซึ่งทำให้ Fantom UGV สามารถโจมตีเป้าหมายจากตำแหน่งปกปิดกำบังได้
การทดสอบการยิงอาวุธปล่อยนำวิถีแบบเต็มรูปแบบมีกำหนดจัดขึ้นในไม่กี่เดือนข้างหน้า ตามหลังความสำเร็จในการทดสอบยิงป้อมปืนกลหนักเมื่อปีที่แล้ว แท่นยิงลูกระเบิดควัน 5ท่อยิงถูกเพิ่มในส่วนหน้าของรถเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการต่อต้านเชิงรับ
Fantom UGV เป็นระบบล้อยาง6ล้อ ยาว 3m สูง 1m จากพื้นล้อถึงบนสุดของตัวรถ ด้วยการเพิ่มเติมสถานีอาวุธหรืออุปกรณ์ตรวจการณ์ทำให้ความสูงของรถเพิ่มขึ้น

รถใช้พลังงานจากเครื่องยนต์ผสมไฟฟ้าโดยสามารถปฏิบัติการได้ 10ชั่วโมงด้วย Battery ก่อนจะต้องทำการประจุไฟใหม่ ซึ่งเครื่องยนต์ดีเซลจะใช้ในการประจุไฟฟ้าให้ Battery โดยมีถังเชื้อเพลิงขนาด 20liter ในตัว
Pavlo Barbul ผู้อำนวยการ Spets Techno Export กล่าวกับ Jane's ว่าการใช้ Motor ไฟฟ้าจะช่วยลดสัญญาณความร้อนและเสียงลง และสนับสนุนการยืดระยะเวลาปฏิบัติการได้ถึง 10วันในภารกิจตรวจการณ์ที่รถมักจะอยู่ในตำแหน่งประจำที่
ตามข้อมูลของบริษัท Fantom UGV สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 38km/h และบรรทุกได้หนักสุด 350kg สามารถทำการควบคุมได้ทั้งผ่านทางระบบสื่อสารความถี่วิทยุเข้ารหัส หรือผ่านสาย Fiber-Optic ยาว 5km ที่อยู่ด้านท้ายของตัวรถซึ่งสนับสนุนการใช้ในปฏิบัติการลับครับ

IDEX 2017: Burevestnik unveils new 30 mm remotely operated turret
Burevestnik's new 30 mm remotely operated turret on display at IDEX. Source: IHS Markit/Charles Forrester
http://www.janes.com/article/68097/idex-2017-burevestnik-unveils-new-30-mm-remotely-operated-turret

บริษัท Burevestnik รัสเซียได้เปิดตัวป้อมปืน Remote 30mm เป็นครั้งแรกในงานแสดงอาวุธ IDEX 2017 ตัวแทนของ Burevestnik ได้กล่าวกับ Jane's ว่า ป้อมปืนดังกล่าวถูกพัฒนาขึ้นให้ตรงกับความต้องการของกองทัพบกรัสเซีย
สำหรับป้อมปืน Remote Weapon Station ที่สามารถติดตั้งกับรถหุ้มเกราะล้อยาง 4x4 ตระกูล Kamaz Tayfun(Typhoon) ที่เคยมีการนำเสนอภาพไปก่อน(KamAZ K4386 Typhoon-VDV) และยังรวมถึงการเสนอการทำตลาดขายให้กับลูกค้าต่างประเทศด้วย
ตัวแทนบริษัท Burevestnik กล่าวว่าป้อมปืนนี้เป็นการผสมผสานของน้ำหนักที่เบา, การนำไปติดตั้งที่มีความจำกัดกับรถ และสามารถใช้พลังงานได้ด้วยระบบไฟฟ้าที่มีอยู่ ทำให้เหมาะกับกองทัพที่ต้องการเพิ่มอำนาจการยิงหนักกับรถหุ้มเกราะเบาของตน


ป้อมปืนของ Burevestnik ใช้ปืนใหญ่กล 2A42 ขนาด 30x165mm ป้อนกระสุนได้สองทางและปืนกลร่วมแกน PKTM 7.62x54Rmm ที่ด้านซ้ายของป้อม ซึ่งสามารถใช้สายกระสุนความจุตั้งแต่ 100-200นัดที่ทำการบรรจุใหม่จากภายในตัวรถได้
ระบบกล้องเล็ง Electro-Optical ไม่ได้เป็นแบบรักษาเสถียรภาพแบบอิสระแต่ติดโดยตรงที่ด้านบนของปืนใหญ่กลที่มีระบบรักษาเสถียรถภาพ มีกล้องกลางวันกลางคืน, Laser วัดระยะ
ที่เชื่อมต่อกับระบบควบคุมการยิงและเครื่องคำนวณขีปนวิถีช่วยให้ทำการยิงได้แม่นยำเช่นเดียวกับการติดตามเป้าหมายอัตโนมัติ ป้อมปืนใช้พื้นที่เข้าไปในตัวรถราว 10-15cm และมีน้ำหนักเพียง 1.1tons พร้อมทั้งมีเกราะป้องกันระดับ STANAG Level2 ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ญี่ปุ่นและไทยมีความชัดเจนในการเดินหน้าข้อตกลงการจัดซื้อด้านความมั่นคง และจีนมีความคืบหน้าในการสร้างเรือบรรทุกเครื่องบิน Type 001A ใหม่

Japan and Thailand edge towards defence trade agreement
http://www.janes.com/article/68095/japan-and-thailand-edge-towards-defence-trade-agreement

Kawasaki P-1 Japan Maritime Self-Defense Force(wikipedia.org)

Kawasaki C-2 Japan Air Self-Defense Force 1st production model "68-1203" and 1st prototype "08-1201", 2016(wikipedia.org)

ไทยและญี่ปุ่นกำลังมีความชัดเจนในการเข้าใกล้การบรรลุข้อตกลงด้านการค้าทางความมั่นคงและเทคโนโลยีที่มีผลในการอำนวยความสะดวกในการส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์ของญี่ปุ่นให้กับประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Jane's เข้าใจว่าการเจรจาเกี่ยวกับด้านความร่วมมือทางอุตสาหกรรมความมั่นคงทวิภาคีจะดำเนินการเพื่อสนับสนุนความเป็นไปได้ในการขายอาวุธยุทโธปกรณ์ของญี่ปุ่น
ที่รวมถึง Radar ป้องกันภัยทางอากาศ และระบบสื่อสาร เช่นเดียวกับยุทโธปกรณ์หลักอย่างเครื่องบินตรวจการณ์ทางทะเล Kawasaki P-1 และเครื่องบินลำเลียงไอพ่น Kawasaki C-2

ญี่ปุ่นยังมีความเข้าใจนอกจากนี้ในการจัดทำร่างกรอบกฎหมายที่จะต้องผ่านทางโตเกียวในการอนุมัติการขายอาวุธ
กรอบการทำงานนี้สอดคล้องกับสามหลักการของญี่ปุ่นในการถ่ายโอนของยุทโธปกรณ์ความมั่นคงและเทคโนโลยี แทนการห้ามส่งออกอาวุธทางทหารที่ยกเลิกไปในปี 2014
ซึ่งในส่วนของกองทัพอากาศไทยนั้นมีโครงการจัดหา Radar ป้องกันภัยทางอากาศใหม่ และเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธีใหม่ เช่นเดียวกับกองทัพเรือไทยที่มีความต้องการเครื่องบินตรวการณ์ทางทะเลใหม่ แทนของเดิมที่ให้หมดอายุการใช้งานหรือปลดประจำการไปแล้วครับ

China's Type 001A CV makes progress at Dalian - 38.935925 N 121.613170 E
Airbus Defence and Space imagery dated 13 January showing China's Type 001A aircraft carrier hull nearing completion at Dalian shipyard. 
Prior to launch, remaining supports will be removed, as will objects within the dry dock. Source: CNES 2017, Distribution Airbus DS/2017 IHS Markit 

ภาพถ่ายดาวเทียมของ Airbus Defence and Space imagery ได้จับภาพเมื่อวันที่ 13 มกราคมแสดงถึงความคืบหน้าในการสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินชั้น Type 001A กองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน(PLAN: People's Liberation Army Navy) ที่อู่ต่อเรือ Dalian ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ซึ่งตัวเรือนั้นดำเนินการจนใกล้จะปล่อยลงน้ำแล้ว
ก่อนหน้านี้ Jane's ได้ตรวจสอบสถานะของโครงการสร้างเรือที่ Dalian ในเดือนสิงหาคม 2016 ตั้งแต่ที่ส่วนดาดฟ้ายกของเรือบรรทุกเครื่องบิน Type 001A ได้ถูกติดตั้งพร้อม lift ยกอากาศยาน และการสร้างดาดฟ้าที่เหลือได้ถูกนำเข้าที่เรียบร้อย
งานย่อยที่เหลือยังคงเห็นได้บนดาดฟ้า โดยส่วนหนึ่งของดาดฟ้าที่ใช้ในการสร้างชั่วคราวถูกถอดออกตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2016

เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาสถานีโทรทัศน์ CCTV(China Central Television)จีนได้รายงานว่าอุปกรณ์สนับสนุนบางส่วน เป็นไปได้ว่าจะรวมถึงที่ค้ำยันหรือนั่งร้านโดยรอบพื้นผิวส่วนบนได้ถูกถอดถอนออก และมีการทาสีแดงรอบตัวเรือ
สีแดงป้องกันเพรียงนี้ถูกใช้ทาในแนวใต้น้ำของตัวเรือเพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิตในทะเลที่จะมาเกาะตัวเรือ ซึ่งมีผลต่อสมรรถนะของเรือ
ส่วนประกอบภายนอกหลักที่ยังคงขาดอยู่ได้ถูกนำมาติดตั้งกับตัวเรือบรรทุกเครื่องบิน Type 001A และการปรากฎการทาสีแดงกันเพรียงบนตัวเรือด้านล่างชี้ได้ชัดว่าเรือใกล้จะถูกปล่อยลงน้ำแล้ว

งานหลักภายนอกที่ยังคงเหลืออยู่อย่างเดียวคือการในส่วนที่เกี่ยวของกับพื้นผิวและการทางสีดาดฟ้าบินของเรือ มีความเป็นไปได้ว่าจะมีการดำเนินงานนี้ตามการปล่อยเรือ คืออู่แห้งอาจจะถูกนำไปใช้เพื่อโครงการสร้างเรือลำอื่น
ตัวชี้วัดสำคัญที่ว่าเรือบรรทุกเครื่องบิน Type 001A กำลังถูกเตรียมปล่อยลงน้ำคือการจะถอดถอนที่ค้ำยันนั่งร้านที่ยังคงอยู่ในอู่แห้ง เช่นเดียวกับอุปกรณ์หรือวัสดุที่ยังอยู่บนพื้นอู่แห้ง
ขณะเดียวกันภาพถ่ายดาวเทียมในวันที่ 13 มกราคมยังแสดงถึงการก่อสร้างเรืออีกลำของอู่เรือ Dalian คือเรือพิฆาตติดอาวุธปล่อยนำวิถี Type 052D กำลังทำการติดตั้งอาวุธและอุปกรณ์ตรวจจับครับ

วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

จีนเสนอเรือดำน้ำ S26 พร้อมระบบขับเคลื่อน AIP เปิดตัวเป้าลวงจำลองเรือดำน้ำเคลื่อนที่ และเรือฟริเกตทรง Trimaran ใหม่

IDEX 2017: China offers S-26 conventional submarine with Stirling engine AIP
An image released during IDEX 2017 clearly shows an oxygen tank (circled in red) for the Sterling cycle AIP system. (CSOC)
http://www.janes.com/article/68024/idex-2017-china-offers-s-26-conventional-submarine-with-stirling-engine-aip

China Shipbuilding and Offshore International Corporation(CSOC) รัฐวิสาหกิจด้านอุตสาหกรรมทางเรือสาธารณรัฐประชาชนจีนได้เสนอการทำตลาดของเรือดำน้ำดีเซล-ไฟฟ้าตามแบบ S26 ในงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ IDEX 2017 ที่ Abu Dhabi สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ซึ่งเป็นการเปิดตัวครั้งแรกของรุ่นที่เรียกว่าระบบขับเคลื่อนแบบไม่ใช้อากาศวัฏจักร Stirling AIP(Air-Independent Propulsion) มีที่ความเป็นเอกลักษณ์

ระบบวัฏจักร Stirling AIP ใช้ oxygen เหลวและเชื้อเพลิงน้ำมันดีเซลเป็นพลังงานให้กับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าของเรือดำน้ำเพื่อเพิ่มระยะเวลาในการดำใต้น้ำให้ยาวนานยิ่งขึ้น
Stirling AIP นี้ได้ถูกนำใช้งานในกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน(PLAN: People's Liberation Army Navy) มานานกับเรือดำน้ำดัเซลไฟฟ้าชั้น Type 039B (NATO กำหนดรหัส Yuan) ซึ่งเป็นแบบพื้นฐานของเรือดำน้ำ S26 สำหรับส่งออก

แบบจำลองเรือดำน้ำที่แสดงในงาน IDEX 2017 และแผ่นข้อมูลประชาสัมพันธ์นั้นได้แสดงอย่างชัดเจนถึงถัง oxygen เหลวขนาดใหญ่สำหรับสนับสนุนเครื่องยนต์ Stirling AIP
ทางเจ้าหน้าที่ CSOC ไม่ได้ให้ข้อมูลการว่าระยะเวลาการดำใต้น้ำของเรือดำน้ำ S26 นั้นจะได้นานประมาณเท่าใด โดยกล่าวว่าสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของลูกค้า
แหล่งข้อมูลในกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นในงาน IDEX ที่มีความคุ้นเคยกับระบบขับเคลื่อน AIP นั้นกล่าวว่าพวกเขาสงสัยว่าระบบ Stirling AIP ของจีนตามที่ได้รับการปรับแต่งสามารถทำให้เรือดำน้ำดำอยู่ใต้น้ำได้นานถึงสัปดาห์

ตามรายละเอียดของแผ่นข้อมูลประชาสัมพันธ์ของ CSOC เรือดำน้ำตามแบบ S26 มีระวางขับน้ำ 2,660tons ยาว 79.5m กว้าง 8.6m มีความเร็วสูงสุด 18knots พิสัยทำการ 8,000nmi ที่ความเร็วมัธยัสถ์ 4knots และดำได้ลึกสุด 300m
ทั้งนี้ลูกค้าที่เป็นที่เปิดเผยว่าจะเป็นไปได้ในการส่งออกเรือดำน้ำแบบ S26 ของจีนคือกองทัพเรือไทยที่กำลังดำเนินโครงการจัดหาเรือดำน้ำแบบ S26T จำนวนหนึ่งลำจากความต้องการทั้งหมดสามลำตามที่ได้รายงานไปครับ

IDEX 2017: China unveils MSS-01 Mobile Submarine Simulator and decoy
The leaflet on the MSS-01 that CSOC made available during IDEX. (CSOC)
http://www.janes.com/article/68022/idex-2017-china-unveils-mss-01-mobile-submarine-simulator-and-decoy

CSOC ยังได้ใช้งาน IDEX 2017 เปิดตัวระบบจำลองเรือดำน้ำเคลื่อนที่แบบใหม่ MSS-01 Mobile Submarine Simulator
ซึ่งระบบดังกล่าวสามารถนำมาใช้เป็นเป้าลวงได้ด้วยซึ่งมีประจำการในกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีนแล้วตามข้อมูลของเจ้าหน้าที่บริษัท

MSS-1 ถูกอธิบายในลักษณะ "ระบบต่อต้านทางเสียงใต้น้ำอัตตาจรที่ออกแบบสำหรับสงครามปราบเรือดำน้ำ(ASW: Anti-Submarine Warfare) สำหรับสถานการณ์การรบปะทะและสถานการณ์ฝึก
ซึ่งได้ใช้ "การจำลองการรับส่งคลื่นเสียงความคมชัดสูงของการแพร่คลื่นเสียงจากเรือดำน้ำ" และ "เสียงสะท้อนซ้ำขณะกำลังรับ" ที่สามารถลวง "Sonar, Torpedo นำวิถีด้วยเสียง, และ Torpedo นำวิถีด้วยเสียงและเส้นลวด" ได้

MSS-1 มีความยาว 5,500mm เส้นผ่าศูนย์กลาง 533.4mm หนัก 1,100kg สามารถปล่อยจากท่อยิง Torpedo และเก็บกู้กลับมาได้ใน Mode การฝึก
มีความเร็ว 10-15knots ใช้งานได้ในความลึก 10-300m มีระยะเวลาทำงาน 100นาทีที่ความเร็ว 10knots หรือ 45นาทีที่ความเร็ว 15knots ครับ

IDEX 2017: Chinese Navy to acquire new trimaran hull frigate
The trimaran vessel, as displayed by CSSC at IDEX. (Richard D Fisher Jr)

CSSC also displayed a model of a 700 tonne derivative of the PLAN's Type 022 catamaran FAC. (Richard D Fisher Jr)
http://www.janes.com/article/67930/idex-2017-chinese-navy-to-acquire-new-trimaran-hull-frigate

China Shipbuilding Trading Corporation(CSSC) รัฐวิสาหกิจด้านอุตสาหกรรมทางเรือสาธารณรัฐประชาชนจีนได้เปิดตัวแนวคิดเรือฟริเกตทรง Trimaran ใหม่ในงานแสดงอาวุธ IDEX 2017
โดยทาง CSSC ให้ข้อมูลกับ Jane's  ว่าเรือฟริเกตทรง Trimaran รุ่นใหม่ดังกล่าวนี้ได้กำลังถูกสร้างให้กองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีนแล้ว

ตามข้อมูลจาก CSSC คุณสมบัติของเรือฟริเกตทรง Trimaran ใหม่นี้มีระวางขับน้ำ 2,450tons ตัวเรือยาว 142m กว้าง 32.6m ความเร็วมัธยัสถ์ 25knots ความเร็วสูงสุด 30-35knots ระยะเวลาปฏิบัติการ 30วัน กำลังพลประจำเรือมากกว่า 100นาย
เจ้าหน้าที่ของ CSSC กล่าวว่าเรือฟริเกตดังกล่าวใช้เครื่องยนต์ดีเซลให้ให้พลังงานกับ "ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าทางทะเล" ซึ่งนำไปขับเคลื่อน Pump Jets 3ระบบ ซึ่งเรือไม่จำเป็นต้องมีระบบขับเคลื่อนใบจักรที่สอง
แม้ว่าจะมีขนาดเบากว่าเรือฟริเกตชั้น Type 054A เรือฟริเกต Trimaran นี้ได้ติดตั้งอาวุธในรูปแบบเดียวกัน ทั้งปืนใหญ่เรือ 76mm 1กระบอก, แท่นยิงแนวดิ่ง VLS 16-32ท่อยิง, อาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ 8นัด, ระบบป้องกันระยะประชิด CIWS 2ระบบ และโรงเก็บเฮลิคอปเตอร์ 2เครื่อง

CSSC ยังได้เปิดตัวแนวคิดเรือเร็วโจมตีใหม่ขนาด 700tons ซึ่งมีพื้นฐานจากเรือเร็วโจมตีติดอาวุธปล่อยนำวิถีทรง Catamaran ชั้น Type 022 โดยติดปืนใหญ่เรือ 76mm และอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ 4นัด
ทาง CSSC กล่าวว่าทางกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีนยังไม่ได้แสดงความสนใจใดๆในแบบเรือรุ่นนี้ และยังไม่มีแผนที่จะสร้างด้วยครับ

วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ฟินแลนด์จะจัดหาปืนใหญ่อัตตาจร K9 จากเกาหลีใต้

Finland buys K9 howitzers from South Korea
Finland has confirmed it will buy 48 K9 howitzers from South Korea. Source: IHS Markit/Peter Felstead
http://www.janes.com/article/67827/finland-buys-k9-howitzers-from-south-korea

ตามการยืนยันของกระทรวงกลาโหมฟินแลนด์เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ฟินแลนด์จะจัดซื้อปืนใหญ่อัตตาจรสายพาน K9 Thunder 155mm จากสาธารณรัฐเกาหลี
ตามการแถลงรัฐมนตรีกลาโหมฟินแลนด์ Jussi Niinisto ได้อนุมัติการจัดซื้อปืนใหญ่อัตตาจร K9 จำนวน 48ระบบที่เคยประจำการในกองทัพบกสาธารณรัฐเกาหลีในวงเงิน 146 million Euros($155 million)
ซึ่งกระทรวงกลาโหมฟินแลนด์แจ้งว่าได้รวมการฝึก, อะไหล่ และการบำรุงรักษา สัญญาจัดหายังครอบคลุมทางเลือกในกระบวนการจัดหา ป.อัตตาจร K9 เพิ่มเติมด้วย

ความเคลื่อนไหวนี้เป็นที่คาดไว้ตั้งแต่ที่กระทรวงกลาโหมฟินแลนด์ได้ประกาศเมื่อเดือนกรกฎาคม 2016 ว่าได้เริ่มการเจรจาโดยตรงกับเกาหลีใต้เพื่อจัดซื้อ ป.อัตตาจร K9
ณ เวลานั้นกระทรวงกลาโหมฟินแลนด์กล่าวว่าได้เลือกที่จะไปในทาง K9 เหนือทางเลือกอื่นในตลาดด้วยเหตุผลด้านราคาและความเข้ากันกันของระบบด้วยพื้นฐานกองทัพแบบมีการเกณฑ์ทหาร
กองทัพฟินแลนด์(FDF: Finnish Defence Forces) ได้ดำเนินการทดสอบปืนใหญ่อัตตาจร K9 ไปเมื่อปลายปี 2016 ตามที่ได้เคยรายงานไปก่อนหน้านี้


การส่งมอบปืนใหญ่อัตตาจร K9 ให้ฟินแลนด์จะเริ่มขึ้นในปี 2017 ในคำสั่งจะมีการฝึกเจ้าหน้าที่นายทหารในปีนี้ ทหารกองประจำการฟินแลนด์จะเริ่มการฝึกกับ K9 ในปี 2019 ขณะที่การรับมอบครบทั้ง 48ระบบจะเสร็จสิ้นในปี 2024
ระยะเวลานี้เป็นไปตามที่ออกมาก่อนหน้าโดยแผนของฟินแลนด์ที่จะความพร้อมปฏิบัติการขั้นต้นของปืนใหญ่ใหม่ในปี 2020 และจะมีความพร้อมเต็มอัตราในปี 2025

การจัดซื้อ K9 จะทำให้กองทัพฟินแลนด์สามารถปลดประจำการระบบปืนใหญ่เก่าหลักของโซเวียต ซึ่งปัจจุบันกองทัพฟินแลนด์ยังคงประจำการปืนใหญ่สมัยโซเวียตหลายระบบและหลายขนาดลำกล้อง
ทั้งปืนใหญ่ลากจูง M-46 130mm, ปืนใหญ่อัตตาจรสายพาน 2S5 Giatsint-S 152mm, ปืนใหญ่อัตตาจรสายพาน 2S1 Gvozdika 122mm
คาดว่าปืนใหญ่อัตตาจร K9 จะเสริมกับระบบปืนใหญ่กระสุนมาตรฐาน NATO ที่มีใช้งานกองทัพฟินแลนด์ อย่างปืนใหญ่ลากจูง 155 GH 52 APU ขนาด 155mm
นอกเหนือจากที่กระทรวงกลาโหมฟินแลนด์ไม่ได้กล่าวถึง คาดว่า ป.อจ.K9 จำเป็นจะต้องผ่านการซ่อมยกเครื่อง ดัดแปลง และปรับปรุงใหม่ก่อนเข้าประจำการในกองทัพฟินแลนด์ด้วยครับ

วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ออสเตรียจะฟ้องร้อง Airbus เรื่องการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon

Austria to sue Airbus over Eurofighter deal
Austria is to sue manufacturer Airbus over the country's purchase of Eurofighter Typhoon fighter aircraft. Source: Bundesheer
http://www.janes.com/article/67793/austria-to-sue-airbus-over-eurofighter-deal

ออสเตรียประกาศที่จะเปิดการฟ้องร้องคดีความมูลค่าสูงถึง 1.1 billion Euros($1.17 billion) ต่อบริษัท Airbus ในข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการขายเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon ให้ออสเตรียในปี 2003
รัฐบาลออสเตรียได้เผยแพร่เอกสารอรรถคดี 130หน้าต่อการดำเนินคดีกับ Airbus เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เนื้อหาสรุปการอ้างอิงผลการสอบสวนในปี 2012 ที่จัดทำด้วยชุดเฉพาะกิจโดยกระทรวงกลาโหมและกีฬาออสเตรีย(BMLVS) ซึ่งได้เพิ่มการฟ้องร้อง
ในรายงานทาง Airbus ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาและเรียกว่าเป็นการดำเนินการรุกรานทางกฎหมายที่น่ารังเกียจโดยตัวแทนจากรัฐบาล Vienna ในการเคลื่อนไหวทางการเมือง

ออสเตรียได้ตั้งข้อกล่าวหาสองกระทงคือ ข้อหาที่หนึ่งว่าบริษัท(EADS เดิม) ได้รวมเงิน 183 million Euros อันไม่จำเป็นในข้อเสนอที่เกี่ยวข้องในอนาคตเป็นการเพิ่มเติมราคาที่รวมเป็นส่วนหนึ่งของสัญญา
รัฐมนตรีกลาโหมออสเตรีย Hans Peter Doskozil ได้กล่าวหาว่าเงินทุนดังกล่าวได้ถูกนำไปแจกจ่ายให้กับ 'เครือข่ายอาชญากรรม' ผ่านทางบริษัทบังหน้าที่เป็นเปลือกที่จดทะเบียนใน London อังกฤษในชื่อ Vector Aerospace(ไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทแคนาดาที่มีชื่อเดียวกัน)
การฟ้องร้องนี้ดูเหมือนจะเชื่อมโยงกับการบุกจับเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2012 โดยตำรวจเยอรมนี, อิตาลี และออสเตรีย ในการสอบสวนข้อกล่าวหากรณีการติดสินบนการรักษาความปลอดภัยการจัดหาเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon ของออสเตรีย

ข้อหาที่สองคือกล่องว่า Airbus รู้ดีว่าไม่มีทางที่จะส่งมอบเครื่องบินขับไล่ Typhoon Tranche 2/Block 8 ให้ออสเตรียตามระยะเวลาที่กำหนดในปี 2007 ได้
แม้จะมีการวางพวกตนเองของ BMLVS ในการตรวจจสอบคุณภาพที่โรงงานสายการประกอบอากาศยานที่ Manching เยอรมนี
ตอนนี้ออสเตรียได้ฟ้องร้องว่าเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon จะไม่มีทางประสบความสำเร็จในการแข่งขันโครงการจัดหา ถ้ารู้ว่ามันได้พลาดกำหนดเส้นตายที่วางไว้

ออสเตรียเดิมได้ตัดสินใจจัดหาเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon Tranche 2/Block 8 จำนวน 18เครื่อง
แม้ว่าชุดแรก 6เครื่องจะเป็น Typhoon Tranche 1/Block 5  ซึ่งภายหลังสัญญาได้ปรับเปลี่ยนให้เป็นเครื่องมาตรฐานรุ่น Tranche 2/Block 8
อย่างไรก็ตามรัฐบาลออสเตรียมีความแน่ใจในขณะนี้ว่าการปรับปรุงนี้มีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก และทาง Airbus ไม่เคยมีการวางแผนที่จะดำเนินการจริงแต่อย่างใดครับ

วันเสาร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

รัสเซียส่งมอบเครื่องบินฝึกไอพ่น Yak-130 ชุดแรกให้กองทัพอากาศพม่า


Myanmar Air Force receives its first three Yak-130 jet Trainer form Russia
http://www.menadefense.net/2017/02/17/myanmar-recoit-trois-premiers-yak-130/

หลังจากที่มีการเผยแพร่ภาพการทำการบินครั้งแรกของเครื่องบินฝึกไอพ่น Yak-130 ของกองทัพอากาศพม่าที่โรงงานอากาศยาน Irkutsk ของสำนักออกแบบ Yakovlev บริษัท Irkut Corporation ในเครือ United Aircraft Corporation รัสเซียเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2016
ล่าสุดมีรายงานภาพเผยแพร่ออกมาว่ารัสเซียได้ทำการส่งมอบเครื่องบินฝึกไอพ่น Yak-130 ชุดแรกจำนวน 3เครื่องให้กองทัพอากาศพม่าแล้ว โดยเครื่องบินฝึกไอพ่น Yak-130 หมายเลข 1801, 1802 และ 1803 ได้เดินทางมาถึงฐานทัพอากาศในพม่าแล้วในเดือนกุมภาพันธ์นี้

ตามเอกสารของ Rosoboronexport รัฐวิสาหกิจด้านการส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์ของรัฐบาลรัสเซีย กองทัพอากาศพม่าได้ลงนามสัญญาจัดหา Yak-130 ขั้นต้น 3เครื่องเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2015 โดยมีรายงานว่าพม่ามีความต้องการจัดหา Yak-130 ทั้งหมดรวม 12เครื่อง
ปัจจุบันกองทัพอากาศพม่ามีเครื่องบินฝึกไอพ่น Hongdu K-8 สาธารณรัฐประชาชนจีนจำนวน 18เครื่อง จากความต้องการ 50เครื่อง โดยได้ดำเนินการประกอบในโรงงานอากาศยานของพม่า ซึ่ง K-8 ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องบินโจมตีเบาติดอาวุธโจมตีทางอากาศต่อกองกำลังชนกลุ่มน้อย
ซึ่งพม่าเป็นลูกค้ารายที่4ที่จัดหา Yak-130 จากรัสเซียต่อจาก กองทัพอากาศเบลารุส 8เครื่อง, กองทัพอากาศแอลจีเรีย 16เครื่อง และกองทัพอากาศบังคลาเทศ 16เครื่องครับ

การลงนามสัญญาจัดหาเครื่องบินขับไล่ Su-35 รัสเซียให้อินโดนีเซียจะมีขึ้นในเร็วๆนี้

Contract for delivery of Russia’s Su-35 fighter jets to Indonesia to be signed soon
Su-35 fighter jet
Russia plans to sign a contract with Indonesia on the delivery of ten Su-35 multipurpose fighter jets
http://tass.com/defense/931461

สัญญาการส่งมอบเครื่องบินขับไล่พหุภารกิจขั้นก้าวหน้า Sukhoi Su--35 รัสเซียให้อินโดนีเซียคาดว่าจะมีการลงนามได้ในราวอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
ตามที่ Viktor Kladov ผู้อำนวยการฝ่ายความร่วมมือระหว่างประเทศและนโยบายภูมิภาคของ Rostec กลุ่มอุตสาหกรรมความมั่นคงรัสเซีนยกล่าวในงานแสดงการบิน Aero India 2017 ที่ Bangalore อินเดียเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์นั้น
"เราหวังว่าสัญญาสำหรับ Su-35 จะได้รับการลงนามในอนาคตอันใกล้ เราเชื่อว่ามันจะถูกลงนามในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า" นาย Kladov กล่าว

รายงานก่อนหน้านี้นั้นรัสเซียมีแผนที่จะลงนามสัญญากับอินโดนีเซียในการส่งมอบเครื่องบินขับไล่ Su-35 จำนวน 10เครื่อง ซึ่งกองทัพอินโดนีเซียแล้วได้มีการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์จากรัสเซียเป็ฯจำนวนมาก
เฉพาะกองทัพอากาศอินโดนีเซียก็ได้จัดหาเครื่องบินขับไล่ Su-27SK และ Su-30MK จากรัสเซียเข้าประจำการไปก่อนหน้านี้แล้ว
ซึ่ง Su-35 จะถูกนำมาทดแทนเครื่องบินขับไล่ Northop F-5E Tiger II สหรัฐฯที่กองทัพอากาศอินโดนีเซียประจำการมาตั้งแต่ปี 1980 ซึ่งเก่าและล้าสมัยครับ

วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

อังกฤษประกาศการนำเข้าประจำการขั้นต้นเครื่องบินขับไล่ F-35B และสาธิตการปฏิบัติการร่วมกับเครื่อบินขับไล่ Typhoon

UK awards F-35B initial Release to Service
The initial Release to Service for the F-35B will allow for the start of peacetime and ab initio student training. Source: Crown Copyright
http://www.janes.com/article/67775/uk-awards-f-35b-initial-release-to-service

กระทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักรได้ยืนยันกับ Jane's ว่าได้ลงนามการนำเข้าประจำการขั้นต้น(RtS: Release to Service) ของเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35B Lightning II Joint Strike Fighter(JSF) เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์แล้ว
RtS ซึ่งเป็นการกำหนดที่ครอบคลุมการปฏิบัติการที่ปลอดภัยของ F-35B ถือเป็นหลักสำคัญของโครงการของอังกฤษที่จะอนุญาตให้มีการฝึกนักบินในยามสงบ
สำหรับเครื่องบินบินขึ้นระยะสั้นลงจอดทางดิ่ง(STOVL: Short Take-Off and Vertical Landing) แบบนี้ ที่รวมถึงการฝึกนักบินเปลี่ยนแบบชุดเริ่มต้นเป็นครั้งแรกด้วย

กำลังพลที่ปฏิบัติการกับ F-35B ของกองทัพอากาศสหราชอาณาจักร(RAF: Royal Air Force) และกองทัพเรือสหราชอาณาจักร(RN: Royal Navy) ปัจจุบันได้ประจำการที่สถานีอากาศนาวิกโยธิน(MCAS: Marine Corps Air Station) Beaufort ในมลรัฐ South Carolina สหรัฐฯ
ซึ่งเป็นสถานที่ฝึกนักบินเปลี่ยนแบบ F-35B ของนาวิกโยธินสหรัฐฯ(USMC: US Marine Corps) (หรือที่ถูกตั้งชื่อโดยเจ้าหน้าที่ว่า Cat 1) ซึ่งได้เริ่มการฝึกตั้งแต่กลางปี 2016 โดยหลักสูตรได้พร้อมสำหรับนักเรียนศิษย์การบินอังกฤษรุ่นแรกตามมา
ถึงตอนนี้อังกฤษได้รับมอบ F-35B ชุดทดสอบและประเมินค่า 5เครื่อง และเครื่องที่จะใช้ปฏิบัติการ 10เครื่องเพิ่งมีการลงนามาสัญญา จากความต้องการทั้งหมด 138เครื่อง
ที่จะนำมาปฏิบัติการบนเรือบรรทุกเครื่องบิน Queen Elizabeth ทั้ง 2ลำของกองทัพเรืออังกฤษ และปฏิบัติการร่วมกับเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon ของกองทัพอากาศอังกฤษ

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2015 ฝูงบินสำรองที่17 ของกองทัพอากาศอังกฤษได้ถูกจัดตั้งขึ้นในฐานะเป็นฝูงบินปฏิบัติการทดสอบและประเมินค่าที่ฐานทัพอากาศ Edwards ในมลรัฐ California สหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้กระทรวงกลาโหมอังกฤษได้ประกาศหน่วยปฏิบัติการแรกคือฝูงบินที่617 Dambusters ที่เคยจะจัดตั้งที่ MCAS Beaufort ก่อนสิ้นปี 2016 ช่วงที่จะจัดตั้งหน่วยอย่างเป็นทางการคือเมื่อเครื่องเดินทางถึงอังกฤษในปี 2018
และที่ตั้งหลักของฝูงในอนาคตที่อังกฤษคือฐานทัพอากาศ Marham กองทัพอากาศอังกฤษ อย่างไรก็ตาม Jane's ได้รับแจ้งข้อมูลกองกำลังที่ปฏิบัติการกับ F-35B (UK Lightning Force) ของอังกฤษว่าการจัดตั้งหน่วยจะอย่างเต็มรูปแบบจะเริ่มในปี 2018
ตามข้อมูลเพิ่มเติมของกองกำลัง Lightning ฝูงบินอากาศนาวีที่ 809 Immortals กองทัพเรืออังกฤษนั้นจะได้ถูกจัดขึ้นตามมาเป็นหน่วยที่สองและจะทำการทดสอบปฏิบัติการในทะเลในปี 2018 และจะตั้งอย่างเป็นทางการในปี 2023 ครับ

RAF demos F-35B and Typhoon interoperability
The F-35B and Typhoon will form the UK's combat aviation force from 2019, making interoperability between the fifth- and fourth-generation types essential. Source: Lockheed Martin
http://www.janes.com/article/67763/raf-demos-f-35b-and-typhoon-interoperability

ตามประกาศเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กองทัพอากาศสหราชอาณาจักรได้สาธิตระบบการทำงานร่วมกันใหม่ที่จะอนุญาตให้เครื่อบินขับไล่ยุคที่4 และเครื่องบินขับไล่ยุคที่5 สามารถสื่อสารร่วมกับอีกได้
ระบบ Northrop Grumman Airborne Gateway ได้ถูกออกแบบมาใช้กับเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon FGR4 และ Lockheed Martin F-35B Lightning II เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน ซึ่งได้มีการทดลองเป็นเวลา 2สัปดาห์ที่สหรัฐฯ

ระบบนี้ถูกเรียกในชื่อ Babel Fish III กระทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักรได้สนับสนุนทุนในการบินทดสอบระบบที่ทะเลทราย Mojave ในมลรัฐ California ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกซ้อมรบ High Rider ของกองทัพอากาศอังกฤษในสหรัฐฯ
ระหว่างการทดสอบระบบ Airborne Gateway ได้แปลงข้อความจากระบบ MADL(Multifunction Advanced Data Link) ของ F-35B เป็นรูปแบบที่พร้อมในการอ่านโดย Link 16 datalink ของ Typhoon
ซึ่งในขณะที่ F-35B สามารถสื่อสารกับ Typhoon ผ่าน Link 16 ได้โดยตรง แต่ไม่สามรถส่งข้อมูลผ่าน MADL data link ได้

"นี่เป็นครั้งแรกที่เครื่องบินขับไล่ยุคที่5 และเครื่องบินขับไล่ยุคที่4ที่ไม่ใช่เครื่องของสหรัฐฯได้แลกเปลี่ยนข้อมูลผ่าน MADL และความสำคัญของการสาธิตการปฏิบัติการร่วมนี้คืออังกฤษได้เข้าใกล้ความพร้อมการปฏิบัติการขั้นต้นของ F-35 Lightning II ของตนในปลายปี 2018
ความสามารถของเครือข่ายระบบข้อมูลตรวจจับระหว่างเครื่องบินขับไล่ยุคที่5 และเครื่องบินขับไล่ยุคที่4 และพื้นที่การรบอื่นที่มีคุณสมบัติตรวจจับได้ยาก ซึ่งเป็นความสำคัญยิ่งของการเสนอขีดความสามารถเต็มรูปแบบของเครื่องบินขับไล่ยุคที่5" บริษัท Northrop Grumman แถลง
องค์ประกอบสำคัญของระบบ Airborne Gateway คือชุดคำสั่งกำหนดวิทยุ Northrop Grumman Freedom 550 ซึ่งนำการบูรณาการการสื่อสาร, การนำร่อง, การพิสูจน์ทราบชุด Avionic ของบริษัทที่พัฒนาและผู้ผลิตสำหรับ F-35 วิทยุนี้ได้รับการตรวจสอบภายใต้โครงการ Jetpack Joint Capability Technology Demonstration ที่ดำเนินในปี 2014 แล้ว

Northrop Grumman ได้นำระบบที่มีขีดความสามรถเดียวกับ Airborne Gateway ในเดือนมีนาคม 2016 มาใช้ในการฝึก Jericho Dawn 16-3 ออสเตรเลีย
โดยประสบความสำเร็จในการสาธิตการบูรณาการปฏิบัติการทางอากาศและภาคพื้นดินระหว่างการซ้อมรบยิงด้วยกระสุนจริงครับ

วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

บราซิลยกเลิกแผนการปรับปรุงและเตรียมปลดประจำการเรือบรรทุกเครื่องบิน Sao Paulo

Brazil Gives Up Modernization Plans for Aircraft Carrier Sao Paulo, Prepares for Decommissioning 
Sao Paulo at sea, December 2013. Picture: Rob Schleiffert

View of the forward flight deck of the Brazilian aircraft carrier Sao Paulo in 2003. Four McDonnell Douglas AF-1 (A-4) Skyhawk fighters and an Argentine Navy Grumman S-2T Tracker are visible. Picture: US Navy.
http://navyrecognition.com/index.php/news/defence-news/2017/february-2017-navy-naval-forces-defense-industry-technology-maritime-security-global-news/4895-brazil-gives-up-modernization-plans-for-aircraft-carrier-sao-paulo-prepares-for-decommissioning.html

ตามรายงานของหนังสือพิมพ์บราซิล Estado กองทัพเรือบราซิล(Marinha do Brasil) ได้ตัดสินใจที่จะปลดประจำการเรือบรรทุกเครื่องบิน A12 Sao Paulo หรือเดิมคือเรือบรรทุกเครื่องบิน Foch ของกองทัพเรือฝรั่งเศสที่บราซิลจัดหามาในปี 2000
บราซิลได้ใช้ระยะเวลายาวนานในการพิจารณาปรับปรุงเรือบรรทุกเครื่องบินที่มีอยู่ลำเดียวของตนโดยบริษัทผู้สร้างเรือคือ DCNS ฝรั่งเศส แต่ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงเรือนั้นถูกพิจารณาว่ามากเกินไปโดยเจ้าหน้าที่กองทัพเรือบราซิล จึงต้องล้มเลิกความตั้งใจในที่สุด

โดยแผนการปรับปรุงเรือนั้นได้รวมการเปลี่ยนระบบเครื่องยนต์ขับเคลื่อนใหม่ทั้งหมด, รางดีดส่งอากาศยาน catapult และระบบอำนวยการรบ ซึ่งต้องใช้งบประมาณเกินกว่า 1 billion Brazilian Reals (ประมาณ $324 million)
ขั้นตอนการปลดประจำการนั้นถูกตั้งให้เริ่มต้นทันทีและเสร็จสิ้นภายในปี 2020 กระบวนการอีกสามลำดับขั้นจะต้องใช้เวลาทำงานอีก 10ปี โดยเครื่องบินโจมตี A-4 Skyhawk ซึ่งถูกใช้เป็นเครื่องบินขับไล่ประจำเรือ Sao Paulo จะยังคงประจำการต่อไปที่ฐานบิน Sao Pedro da Aldeia
วาระสุดท้ายของเรือบรรทุกเครื่องบิน Sao Paulo ยังไม่ได้มีการกำหนดตอนนี้ โดยเรือบรรทุกเครื่องบิน A11 Minas Gerais(ชั้น Colossus ชื่อ R71 HMS Vengeance อังกฤษเดิม) ที่ปลดประจำการไปก่อนในปี 2001 นั้นถูกขายไปแยกชิ้นส่วนในตลาดนานาชาติ

A12 Sao Paulo เดิมคือเรือบรรทุกเครื่องบินชั้น Clemenceau ชื่อ Foch ของกองทัพเรือฝรั่งเศสที่เข้าประจำการครั้งแรกในปี 1963 และถูกขายต่อให้บราซิลในปี 2000 และได้เป็นเรือธงของกองทัพเรือบราซิล
เรือบรรทุกเครื่องบิน Sao Paulo มีระวางขับน้ำ 32,800tons ตัวเรือยาว 265m กำลังพลประจำเรือ 1,920นาย บรรทุกอากาศยานไปกับเรือได้ 39เครื่อง แบ่งเป็นเครื่องบินปีกตรึงไอพ่น 22เครื่อง และเฮลิคอปเตอร์ 17เครื่อง
โดยกำลังอากาศยานประจำเรือบรรทุกเครื่องบินของกองทัพเรือบราซิลประกอบด้วย เครื่องบินโจมตี A-4KU Skyhawk, เฮลิคอปเตอร์ AS532SC Cougar, HB350 และ HB355 Ecureuil และ SH-3 Sea King

ระหว่างปี 2005-2010 ซึ่งเรือได้ถูกพิจารณาโครงการปรับปรุง การปรับปรุงเรือประกอบด้วย การตรวจสอบและซ่อมเครื่องยนต์กังหันไอน้ำการซ่อมบำรุงเครื่องควบแน่น(surface condenser), เปลี่ยนท่อหม้อต้มน้ำใหม่(boiler), ซ่อมเครื่องอัดความดันสูง(high-pressure compressor) 2ตัว, แก้ไขเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ, จัดซื้ออะไหล่, ซ่อมบำรุงปั๊ม, วาล์ว, เพิ่มเครื่องแยกน้ำ-น้ำมัน, ติดตั้งระบบเครื่องทำน้ำเย็น, ปรับปรุงเครื่องสร้าง oxygen เคมี, ซ่อมและรักษาสภาพถังน้ำมัน, ทดแทนระบบข้อมูลทางยุทธวิธีทางเรือ(Naval Tactical Data System)ใหม่, ติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด, ติดตั้งตัวส่งสัญญาณพิสูจน์ฝ่าย IFF, ติดตั้งระบบ MAGE(ESM), ตรวจสอบดาดฟ้าบิน ซ่อม และทาสีใหม่, ปรับปรุงระบบปฏิบัติการลงจอด(Optical Landing System) และแก้ไขรางดีดส่งอากาศยานขึ้นบิน(catapult)
อย่างไรก็ตามข้อบกพร่องในส่วนระบบเครื่องยนต์, ระบบขับเคลื่อนใบจักร, และรางดีดส่งนั้นมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ทำให้เรือ Sao Paulo ออกทะเลน้อยครั้งมากตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา

บริษัท SAAB สวีเดนเคยเสนอเครื่องบินขับไล่ Sea Gripen หรือในปัจจุบันชื่อ Gripen M แก่กองทัพเรือบราซิลเพื่อทดแทน A-4 Skyhawk หรือเครื่องบินขับไล่โจมตี AF-1 ตามการกำหนดแบบของกองทัพบราซิล
แต่การจะปลดประจำการเรือบรรทุกเครื่องบิน Sao Paulo ทำให้ลูกค้าที่เป็นไปได้รายเดียวของเครื่องบินขับไล่ Gripen M คือกองทัพเรืออินเดียในโครงการ MRCBF(Multi-Role Carrier Borne Fighters) ตามที่เคยรายงานไป
โดย SAAB ยังมองความเป็นไปได้ในการเสนอเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F ในโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่เบาใหม่ของกองทัพอากาศอินเดีย และการปรับปรุงเครื่องบินขับไล่ Tejas LCA ด้วย AESA radar รุ่น Compact

ทั้งนี้ปัจจุบันการให้ลำดับความสำคัญใหม่ของกองทัพเรือบราซิลถูกมุ่งไปยังโครงการจัดหาและสร้างเรือดำน้ำภายในประเทศที่ร่วมเป็นหุ้นส่วนกับ DCNS ฝรั่งเศส
ทั้งการจัดหาและสร้างเรือดำน้ำดีเซล-ไฟฟ้าแบบ Scorpene 4ลำ และการสร้างเรือดำน้ำโจมตีพลังงานนิวเคลียร์ลำแรกของกองทัพเรือบราซิลครับ

วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

รัสเซียจะทำการบินเครื่องบินขับไล่ PAK FA ที่ใช้เครื่องยนต์ใหม่ในปี 2017 จะพัฒนาเครื่องบินขับไล่ยุคที่5 และจัดหาอาวุธปล่อยนำวิถี S-400 เครื่องบินแจ้งเตือนควบคุมทางอากาศ A-50 ให้อินเดีย

Russia’s PAK FA 5th-generation jet with new engine to make maiden flight in 2017
The project of creating the new engine is "in line with the timeframe," a spokesman for Russia’s United Engine Corporation said
http://tass.com/defense/930699

ตามข้อมูลฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ United Engine Corporation รัสเซีย เครื่องบินขับไล่ยุคที่5 Sukhoi T-50 PAK FA(Prospective Airborne Complex of Frontline Aviation) ที่ติดตั้งเครื่องยนต์รุ่นใหม่มีกำหนดจะทำการบินครั้งแรกในไตรมาสที่4 ปี 2017นี้
"การบินครั้งแรกของเครื่องบินที่ใช้เครื่องยนต์ใหม่คาดว่าจะมีขึ้นในไตรมาสที่4 ของปี 2017 โครงการสร้างเครื่องยนต์ใหม่นั้นอยู่ในเส้นทางตามกรอบเวลา" โฆษกของบริษัท UEC ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องยนต์สำหรับอากาศยานทางทหารและพลเรือนของรัสเซียกล่าว

ขณะนี้เครื่องบินขับไล่ยุคที่5ของรัสเซียยังคงติดตั้งเครื่องยนต์ไอพ่น 117C ซึ่งถูกเรียกว่าเป็นเครื่องยนต์ระยะที่1 เครื่องยนต์แบบใหม่ที่ถูกเรียกว่าเครื่องยนต์ระยะที่2ยังไม่ได้มีการรับมอบอย่างเป็นทางการ
PAK FA T-50 เป็นเครื่องบินขับไล่ยุคที่5ที่มีแนวโน้มสดใส ทำการบินครั้งแรกในปี 2010 โดยเครื่องในสายการผลิต 5เครื่องแรกคาดว่าจะส่งมอบให้กองทัพอากาศรัสเซียได้ในปีนี้ ซึ่งเครื่องจะเริ่มเข้าประจำการในกองทัพอากาศรัสเซียได้หลังปี 2018

รัสเซียและอินเดียได้ร่วมการทำงานในร่างสัญญางานวิจัยและพัฒนาในการพัฒนาเครื่องบินขับไล่ยุคที่5 ตามที่รองผู้อำนวยการกองบริการเพื่อความร่วมมือด้านทหารและเทคนิครัฐบาลรัสเซีย Vladimir Drozhzhov กล่าวกับ TASS
"ผู้เชี่ยวชาญของรัสเซียและอินเดียได้เห็นชอบและลงนามร่างสัญญาเพื่อการวิจัยและพัฒนาสำหรับการพัฒนาเครื่องบินขับไล่พหุภารกิจขั้นก้าวหน้า ด้านรัสเซียได้พร้อมสำหรับการลงนาม เราคาดว่าจะมีการตัดสินใจจากทางอินเดียในเรื่องนี้" เขากล่าว
ตามที่นาย Drozhzhov กล่าว เครื่องบินขับไล่พหุภารกิจขั้นก้าวหน้าจะไม่ด้อยไปกว่า PAK FA ในด้านขีดความสามารถทางการรบและคุณสมบัติ

Sergei Chemezov ประธาน Rostec กลุ่มอุตสาหกรรมความมั่นคงรัสเซีย ได้กล่าวเมื่อปลายปีที่แล้วว่า การลงนามสัญญาการพัฒนาเครื่องบินขับไล่ยุคที่5 กับอินเดียน่าจะมีขึ้นก่อนสิ้นปี 2016
ทั้งนี้ในปี 2007 รัสเซียและอินเดียได้ลงนามข้อตกลงในการพัฒนาเครื่องบินขับไล่ยุคที่5 ร่วมกัน โดยคาดว่ากองทัพอากาศอินเดียน่าจะเป็นลูกค้ารายแรกสำหรับเครื่องบินขับไล่ดังกล่าว ซึ่งหลังจากนั้นจะมีการจัดหาให้ประเทศที่สามได้ด้วยครับ

Russia may sign contract with India on S-400 air defense system delivery
The S-400 can engage targets at a distance of 400 km and at an altitude of up to 30 km
http://tass.com/defense/930856

รองผู้อำนวยการกองบริการเพื่อความร่วมมือด้านทหารและเทคนิครัฐบาลรัสเซีย Vladimir Drozhzhov กล่าวกับ TASS ว่ารัสเซียอาจจะลงนามสัญญาจัดหาอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศพิสัยไกล S-400 Triumf กับอินเดียภายในสิ้นปีนี้
"การเจราจาต่อรองสัญญาคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง นั่นเป็นเหตุผลที่ยังไม่ถึงเวลาที่สมควรจะกล่าวถึงเกี่ยวกับจำนวนระบบที่จะจัดส่ง เราหวังว่าสัญญาสำหรับการจัดส่งระบบอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านอากาศยาน S-400 Triumf จะมีการลงนามภายในสิ้นปีนี้" เขากล่าว

ในข้อตกลงระหว่างรัฐบาลในการส่งมอบระบบป้องกันภัยทางอากาศพิสัยไกล S-400 Triumf ให้อินเดียมีการลงนามเมื่อเดือนตุลาคม 2016
ทั้งนี้จีนเป็นลูกค้ารายแรกที่จัดหา S-400 จากรัสเซียซึ่งมีการลงนามไปเมื่อฤดูใบไม่ผลิปี 2015 ตามรายงานคือในวงเงิน $3 billion ครับ

Russia to deliver A-50 early warning and control aircraft to India
India currently operates three Russian-made A-50EI aircraft with Israeli radars aboard
http://tass.com/defense/930867

Yuri Slyusar ประธานบริหาร United Aircraft-Building Corporation กลุ่มอุตสาหกรรมอากาศยานรัสเซียกล่าวเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ว่า รัสเซียได้ลงนามสัญญาจัดหาเครื่องบินแจ้งเตือนและควบคุมทางอากาศ A-50EI AEW&C(Airborne Early Warning and Control) กับอินเดียแล้ว
"ดังนั้น เราได้ลงนามสัญญากับอินเดียสำหรับเครื่องบิน AEW&C" เขากล่าวในงานแสดงการบิน Aero India 2017 ที่ Bangalore อินเดีย โดยไม่ระบุจำนวนเครื่องบิน A-50EI ที่อินเดียจะจัดหา
นาย Slyusar ยังกล่าวอีกว่าขณะนี้รัสเซียกำลังเจรจากับแอลจีเรียและคาซัคสถานในการส่งมอบเครื่องบินลำเลียงหนัก IL-76 ที่ผ่านการดัดแปลงแล้วให้ประเทศดังกล่าว

ปัจจุบันกองทัพอากาศอินเดียมีเครื่องบินแจ้งเตือนและควบคุมทางอากาศ A-50EI ที่ติดตั้ง Radar ของอิสราเอลประจำการอยู่แล้ว 3เครื่องซึ่งลงนามจัดหามาตั้งแต่ปี 2004 ซึ่งอินเดียยังต้องการเครื่องบินแบบนี้เพิ่มเติมอีก
ตามรายงานก่อนหน้านี้รัสเซีย อินเดีย และอิสราเอลได้ลงนามสัญญาร่วมกันในปี 2016 เพื่อส่งมอบเครื่องบินแจ้งเตือนและควบคุมทางอากาศแบบเดียวกันนี้เพิ่มเติมอีก 2เครื่องครับ

วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

กองทัพอากาศสหรัฐฯมองหาระเบิดขนาด 500lbs ที่สามารถโจมตีเป้าหมายเคลื่อนที่ได้สำหรับเครื่องบินขับไล่ F-35

USAF seeks interim 500 lb bomb with moving target capability for F-35
An F-35A, at Edwards AFB, California, is pictured with the F-35 Systems Development and Demonstration Weapons Suite the aircraft is designed to carry.
The USAF now wants to add an interim 500 lb-class bomb with a moving target capability. Source: Edwards AFB
http://www.janes.com/article/67679/usaf-seeks-interim-500-lb-bomb-with-moving-target-capability-for-f-35

กองทัพอากาศสหรัฐฯ(USAF: United States Air Force) กำลังมองหาระเบิดนำวิถีขั้นระยะระหว่างกาลใหม่ขนาด 500lbs ที่สามารถโจมตีเป้าหมายเคลื่อนที่ได้สำหรับเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35 Lightning II Joint Strike Fighter(JSF)
แหล่งข่าวที่กล่าวมานี้ถูกแสดงใน Website Federal Business Opportunities เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ในการเรียกข้อมูลจากอุตสาหกรรมในสหรัฐฯเฉพาะสำหรับอาวุธนำวิถีความแม่นยำสูง(PGM: Precision-Guided Munition) ที่ไม่ได้อยู่ในขั้นการพัฒนา
ซึ่งสามารถนำไปติดตั้งใช้กับเครื่องบินขับไล่ F-35A ได้ ตามการคาดการณ์ล่วงหน้าของเอกสารขอข้อเสนอ(RFP: Request for Proposals)

ตามบันทึกในเอกสารขอข้อมูล(RFI: Request for Information) ของกองบัญชาการการรบทางอากาศ(ACC: Air Combat Command) อาวุธจำนวนขั้นต้น 400นัดจะถูกจัดหาจากความต้องการในจำนวนคลังทั้งหมด 1,200นัด
สัญญาแรกคาดว่าจะมีการลงนามในไตรมาสที่สามของปีงบประมาณ 2017 โดยการส่งมอบการสั่งซื้อขั้นต้นจะเริ่มหลังจากวันที่ลงนามจัดหาไม่เกิน 6เดือน
"ในการตอบสนองต่อกองบัญชาการการบทางอากาศ ตามความต้องการขีดความสามารถตอบโต้ฉับพลัน(QRC: Quick Reaction Capability) กองทัพอากาศสหรัฐฯกำลังมองหาระยะเวลาที่สำคัญ
ทางเลือกขั้นระยะเพื่อเพิ่มระเบิดนำวิถีขนาด 500lbs ที่สามารถโจมตีเป้าหมายเคลื่อนที่และมีความคล่องแคล่วทางการบินได้ ที่มีความเข้ากันได้ทางกลไก, ทางไฟฟ้า และทางชุดคำสั่ง กับ F-35 Block 3F Operational Flight Program(OFP)
ระเบิดจะต้องเดินทางพุ่งชนเป้าหมายโดนตลอดตามการตั้งทิศทางคงที่ที่ความเร็วทางการมากกว่า 70mph และเป้าหมายที่คล่องแคล่วในช่วงดำเนินท่าทางการบิน +-2G ที่ความเร็ว 40mph ขึ้นไป
ขีดความสามารถดังกล่าวจะต้องไม่กระทบกับกำหนดการวางกำลังในปัจจุบันของ F-35 Block 3F คือวันที่ 15 พฤษภาคม 2018" เอกสาร RFI ระบุ ซึ่งการตอบรับจะต้องไม่เกินหลังเวลา 15:00 ตามมาตรฐานเวลา CDT(Central Daylight Time) ของวันที่ 12 มีนาคม

F-35A มีความพร้อมในการใช้งานระเบิดนำวิถี Laser Raytheon GBU-12 ขนาด 500lbs และระเบิดนำวิถีดาวเทียม GBU-38 JDAM(Joint Direct Attack Munition) ขนาด 500lbs แล้ว แต่ระบบอาวุธดังกล่าวไม่มีขีดความสามารถในการโจมตีเป้าหมายเคลื่อนที่ได้
ผู้เข้าแข่งขันที่เป็นได้สำหรับความต้องการมีเช่น Boeing GBU-54/B Laser JDAM ซึ่งมีพื้นฐานจากระเบิดธรรมดา MK 82 หรือ BLU-111 ขนาด 500lbs
เช่นเดียวกับ Lockheed Martin Dual Mode Plus LGB ซึ่งเป็นชุดประกอบติดตั้งกับระเบิดธรรมดา MK 82 หรือ BLU-111 ครับ

วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ฟิลิปปินส์สนใจจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากจีนรวมถึงอากาศยานไร้คนขับ UAV

Philippines interested to purchase military equipment from China including UAVs.
Chinese-made UAVs (Unmanned Aerial Vehicles) at Zhuhai Air Show (Copyright Army Recognition)
http://armyrecognition.com/february_2017_global_defense_security_army_news_industry/philippines_interested_to_purchase_military_equipment_from_china_including_uavs_11202171.html

ฟิลิปปินส์ได้ส่งข้อเสนอต่อสาธารณรัฐประชาชนจีนถึงรายงานอาวุธยุทโธปกรณ์ด้านความมั่นคง โดยหวังว่ารัฐบาลจีนจะสามารถอนุมัติการสนับสนุนการจัดหาอาวุธวงเงิน $14 million ให้ฟิลิปปินส์ได้
ตามที่รัฐมนตรีกลาโหมฟิลิปปินส์ Delfin Lorenzana กล่าวเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาใน website Rappler.com

รัฐมนตรีกลาโหมฟิลิปปินส์ยังได้เปิดเผยความต้องการจัดซื้อเพิ่มเติมวงเงิน $500 million สำหรับอาวุธจีนที่รวมถึงอาวุธนำวิถีความแม่นยำสูง, เรือ และอากาศยานไร้คนขับ(UAV: Unmanned Aerial Vehicle)
รัฐมนตรี Lorenzana กล่าวว่าเขาได้ส่งรายการดังกล่าวให้ทูตจีนประจำฟิลิปปินส์ Zhao Jianhua เมื่อสามสัปดาห์ก่อน ถ้าทางด้านจีนอนุมัติงบประมาณให้ ตัวแทนของรัฐบาลฟิลิปปินส์จะเดินทางไปจีน
"เรายังไม่ได้ไปที่นั่น(เพื่อส่งตัวแทน)เพราะเราพึ่งจะส่งรายการให้พวกเขา, ดัวนั้นถ้าพวกเขาสามารถจัดส่งยุทโธปกรณ์ได้ เมื่อนั้นเราถึงจะไป" รัฐมนตรี Lorenzana กล่าว
เมื่อถามถึงรายการความต้องการที่ร่วมถึงอาวุธนำวิถีความแม่นยำสูง Lorenzana กล่าวว่า "ใช่ เราถามถึงสำหรับหลายๆอย่าง ทั้งเรือ Drone"

แต่รายงานดังกล่าวในช่วงหลังนั้น Lorenzana กล่าวว่าอาวุธนำวิถีความแม่นยำสูงนั้นอยู่ในรายการอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ครอบคลุมส่วนการกู้ยืมเงินดอกเบี้ยต่ำวงเงิน $500 million ไม่ใช่การขออนุมัติในวงเงิน $14 million
ตามรายงานเขาระบุว่าฟิลิปปินส์ได้ร้องขออาวุธนำวิถีความแม่นยำสูง ไม่ใช่อาวุธปล่อยนำวิถีซึ่งมี"ความซับซ้อน" มากกว่า อาวุธนำวิถีความแม่นยำสูงเป็นระเบิดนำวิถีด้วยดาวเทียมที่ออกแบบมาสำหรับโจมตีเป้าหมายเฉพาะ
ซึ่งรัฐมนตรี Lorenzana กล่าวว่า อาวุธนำวิถีความแม่นยำสูงจะ "ลด" จำนวนความสูญเสียลง เมื่อเทียบกับการใช้ระเบิดธรรมดาไม่นำวิถีครับ

วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

หมู่เรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov รัสเซียเดินทางกลับถึงฐานหลังเสร็จสิ้นปฏิบัติการในซีเรีย โดยจะนำประสบการณ์ไปพัฒนายุทธวิธีใหม่

Russia’s naval task force back home after successful operation off Syria's coast

It was Russian Navy’s first-ever large-scale voyage to the Mediterranean in which naval aircraft were used in combat
http://tass.com/defense/929913



หมู่เรือเฉพาะกิจกองทัพเรือรัสเซียซึ่งมีเรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov เป็นเรือธงและเรือลาดตระเวนประจัญบานพลังงานนิวเคลียร์ Pyotr Velikiy ประกอบกำลัง ได้เสร็จสิ้นความสำเร็จในปฏิบัติการที่ซีเรีย ทั้งในอากาศ, ทะเลหลวง และใต้น้ำ
ตามที่ผู้บัญชาการทหารเรือรัสเซีย พลเรือเอก Vladimir Korolyov กล่าวเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาในพิธีต้อนรับหมู่เรือเข้าเทียบท่าที่ฐานทัพเรือ Severomorsk กองเรือทะเลเหนือ กองทัพเรือรัสเซีย

"ประวัติศาสตร์ของกองทัพเรือเรือรัสเซียเป็นบันทึกประวัติแห่งชัยชนะที่ยาวนานทั้งใหญ่และเล็ก ผมมั่นใจว่าหลังจากที่เสร็จสิ้นภารกิจของหมู่เรือเฉพาะกิจเรือบรรทุกเครื่องบินนี้จะเป็นบทพิเศษในหน้าประวัติศาสตร์การรบของกองทัพเรือรัสเซีย
ในปฏิบัติการต่อต้านผู้ก่อการร้ายคุณได้แสดงคือความเป็นเอกภาพ, ความกล้าหาญ, ความมุ่งมั่น และความจงรักภักดีต่อธง St. Andrew แต่ละไมล์ที่คุณที่ไว้เบื้องหลังได้ถูกใช้อย่างมีประสิทธิสูงสุด กำลังพลได้ปฏิบัติงานด้วยความสำเร็จในทุกสื่อ ในอากาศ, บนผิวน้ำทะเล และใต้น้ำ
เท่าที่ได้สร้างบาดแผลความสูญเสียร้ายแรงต่อศัตรู และประสบการณ์อันล้ำค่าที่นักบินกองทัพเรือได้เกี่ยวข้อง พวกเขาเป็นข้อโต้แย้งที่มีตัวตนในการตอบสนองความเคลือบแคลงที่ถูกกล่าวในคำถามถึงขีดความสามารถและความพร้อมรบของกองทัพเรือ
เราจะศึกษาบทเรียนที่ได้จากการปฏิบัติภารกิจนี้อย่างใกล้ชิด ไม่ต้องสงสัยเราจะวิจารณ์แผนเราสำหรับปฏิการในอนาคตของหมู่เรือและกองเรือ และปรับนำไปใช้ในการฝึกที่ตามมา ผลสรุปของการเดินเรือจะถูกรวมในหลักสูตรหรือสถาบันการศึกษาของกองทัพเรือเรา"
นายพลเรือ Korolyov กล่าวในพิธีต้อนรับบนเรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov

ขณะนี้เรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov เป็นเรือธงและเรือลาดตระเวนประจัญบานพลังงานนิวเคลียร์ Pyotr Velikiy ได้จอดทอดสมอที่ฐานทัพเรือ Severomorsk ในอ่าว Kola ซึ่งทั้งสองลำเดินทางมาถึงตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
นี่เป็นการเดินเรือของหมู่เรือขนาดใหญ่ครั้งแรกของกองทัพเรือรัสเซียในทะเล Mediterranean ซึ่งมีการนำอากาศยานมาใช้ในการรบ หมู่เรือเฉพาะกิจของจากเรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov และเรือลาดตระเวนประจัญบานนิวเคลียร์ Pyotr Velikiy แล้ว
ยังประกอบด้วยเรือพิฆาตปราบเรือดำน้ำชั้น Udaloy 2ลำคือเรือพิฆาต Severomorsk และเรือพิฆาต Vice-Admiral Kulakov กับเรือช่วยรบ ซึ่งออกเดินทางไปทะเล Mediterranean ตั้งแต่ 15 ตุลาคม 2016 ครับ

Russian aircraft carrier’s Syria voyage to help develop new tactics for Navy
The Russian naval task force led by the sole aircraft carrier Admiral Kuznetsov has returned to its home base in northwest Russia after its anti-terror operation in Syria
Admiral Kuznetsov aircraft carrier
Andrei Luzik/Russian Navy Northern Fleet Press Office/TASS
http://tass.com/defense/929968

รัสเซียจะใช้ประสบการณ์ที่ได้จากการเดินเรือหมู่เรือบรรทุกเครื่องบินปฏิบัติการในซีเรียนำไปพัฒนายุทธวิธีใหม่เพื่อการวางกำลังกองกำลังทางเรือเฉพาะกิจในมหาสมุทรทั่วโลก
"ยุทธวิธีที่ใช้ในการเดินเรือจะถูกนำไว้วิเคราะห์โดยเรา เราจะพัฒนาแนวทางใหม่ในการวางกำลังกองกำลังทางเรือเฉพาะกิจในหลายส่วนของมหาสมุทรทั่วโลก"
พลเรือเอก Korolyov ผู้บัญชาการทหารเรือรัสเซียกล่าว ซึ่งกองบัญชาการกองทัพเรือรัสเซียจะวิเคราะห์ผลที่ได้ในเชิงบวกทั้งหมดจากการฝึกในทะเลครั้งแรก

"แต่ละการเดินเรือที่ตามมาภายหลังของเรือรบหมายถึงการวิเคราะห์ และเราจะไม่วิเคราะห์เฉพาะปฏิบัติการของเรือรบในทะเลแต่ยังรวมถึงปัญหาระยะเวลาในการเตรียมการสำหรับการเดินเรือ เช่นเดียวกับขั้นตอนการวางกำลังเรือรบ
นี่จะยังถูกนำไปใช้กับอากาศยานประจำดาดฟ้าเรือ เรือรบ และเรืออื่นในหมู่เรือบรรทุกเครื่องบินเฉพาะกิจ กองทัพเรือจะยังปรับบางแผนการวางกำลังที่รวมระดับยุทธวิธีเฉพาะเรือรบและหมู่เรือ
เราจะสร้างการปรับแต่งต่อหลักสูตรการฝึกของเราในสถาบันการศึกษาของกองทัพเรือ เริ่มต้นจากโรงเรียนและวิทยาลัยของเรา และแม้กระทั่งอาจจะโรงเรียนกองทัพเรือ Nakhimov และโรงเรียนนายเรือ และสถาบันของเรา" นายพลเรือ Korolyov กล่าว

รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย Sergei Shoigu ได้รายงานเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2016 ว่าหมู่เรือเฉพาะกิจได้เดินทางถึงทะเล Mediterranean นับตั้งออกเดินทางจากรัสเซียตั้งแต่ 15 ตุลาคม 2016
ตลอดระยะเวลาสองเดือนของการปฏิบัติการมีการปฏิบัติการบินจากดาดฟ้าอากาศยาน 420เที่ยวบิน ซึ่งร่วมถึงปฏิบัติการบินเวลากลางคืน 117เที่ยวบิน สามารถทำลายเป้าหมายของผู้ก่อการร้ายได้ 1,000เป้าหมาย
กำลังอากาศยานประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov ได้สูญเสียเครื่องบินขับไล่ MiG-26K และ Su-33 อย่างเครื่อง รวม2เครื่องระหว่างการลงจอด ซึ่งนักบินทั้งสองนายดีดตัวออกมาได้อย่างปลอดภัย

Russian Navy Aircraft Carrier's Admiral Kuznetsov Ship's Cat


โดยก่อนหน้าที่หมู่เรือเฉพาะกิจจะกลับเทียบท่าที่ฐานทัพเรือ Severomorsk กำลังอากาศยานประจำเรือทั้งเครื่องบินขับไล่ Su-33 และ MiG-29K เฮลิคอปเตอร์โจมตี Ka-52 เฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำ Ka-27 และเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงจู่โจม Ka-29
ได้ทำการบินขึ้นจากเรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov เพื่อเดินทางกลับไปลงจอดที่ฐานบินกองทัพเรือบนชายฝั่งที่ Severomorsk แล้ว ซึ่งนี่ถือว่าเป็นปฏิบัติการรบของกำลังอากาศนาวีกองทัพเรือรัสเซียที่ใหญ่ที่สุดครั้งแรกที่เคยมีมา
ทั้งนี้จากรายงานปฏิบัติการหมู่เรือเฉพาะกิจกองทัพเรือรัสเซียที่ซีเรียของสื่อ ที่พบแมวบนเรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov ทำให้ดูเหมือนว่ากองทัพเรือรัสเซียจะยังคงมีอนุญาตให้มี 'แมวประจำเรือ' อยู่ ขณะที่กองทัพเรือชาติตะวันตกยกเลิกไปตั้งแต่ปี 1960s-1970s แล้วด้วยเหตุผลด้านสุขอนามัยครับ

วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

นาวิกโยธินอินโดนีเซียจะพิจารณาตัวเลือกรถหุ้มเกราะลำเลียงพลใหม่จากตุรกี เกาหลีใต้ และรัสเซีย

Indonesia mulls Turkish, South Korean, Russian options for marines APC requirement
A Russian-made BTR-80 (8x8) amphibious armoured personnel carrier in service with the Turkish Gendarmerie. The vehicle is a contender in the Indonesian programme to acquire 50 units. Source: Aselsan
http://www.janes.com/article/67630/indonesia-mulls-turkish-south-korean-russian-options-for-marines-apc-requirement

กระทรวงกลาโหมอินโดนีเซียกำลังประเมินค่าการพิจารณาข้อเสนอในโครงการจัดหารถหุ้มเกราะลำเลียงพล(APC: Armoured Personnel Carrier) ใหม่จำนวน 50คันสำหรับนาวิกโยธินกองทัพเรืออินโดนีเซีย(KORMAR: Korps Marinir)
Jane's เข้าใจจากแหล่งข้อมูลภายในขั้นตอนการจัดหาว่าตัวเลือกแบบรถนั้นประกอบไปด้วย รถหุ้มเกราะล้อยาง BTR-80 จาก Military-Industrial Company รัสเซีย, รถรบหุ้มเกราะสายพาน ACV-19 จาก FNSS ตุรกี และรถรบทหารราบสายพาน K21 NIFV(Next Infantry Fighting Vehicle) จาก Doosan สาธารณรัฐเกาหลี

งบประมาณวงเงิน $95 million สำหรับโครงการได้ถูกอนุมัติแล้ว และจะถูกบรรจุเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณกระทรวงกลาโหมอินโดนีเซียประจำปี 2017
นอกจากการวางกำลังประจำการในหน่วยนาวิกโยธินในพื้นที่อินโดนีเซียแล้ว รถหุ้มเกราะลำเลียงพลใหม่ดังกล่าวมีแผนที่จะถูกนำไปใช้วางกำลังในปฏิบัติการนานาชาติ เช่นภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ(UN: United Nation)

ตามเอกสารสรุปโครงการที่ Jane's ได้รับหนึ่งในความต้องการของสัญญาจัดหาคือผู้ชนะการแข่งในโครงการจะต้องส่งมอบรถหุ้มเกราะ 10-15คันในรูปแบบ Semi-Knocked Down(SKD) เพื่อนำมาประกอบในอินโดนีเซีย ซึ่งขั้นตอนการประกอบรถขั้นสุดท้ายจะทำในประเทศโดยการถ่ายทอด Technology
การจัดส่งรถในชุดที่จะตามมาอีก 35-40คัน จะเป็นการส่งมอบพร้อมกับสิทธิบัตรการผลิตโดยบริษัทท้องถิ่นของอินโดนีเซีย ที่ได้รับรองจากรัฐบาลอินโดนีเซียแล้วว่ามีขีดความสามารถในการเปิดสายการผลิตรถจำนวนมากได้

เป็นที่คาดการณ์ในวงกว้างว่าบริษัทที่ได้รับผิดชอบโครงการนี้คือ PT Pindad ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของรัฐบาลอินโดนีเซียที่มีประสบการณ์ในการผลิตและออกแบบรถหุ้มเกราะต่างๆเข้าประจำการในกองทัพอินโดนีเซีย
กระทรวงกลาโหมอินโดนีเซียคาดว่าการตัดสินใจโครงการจะมีขึ้นในเดือนเมษายน 2017 ซึ่งขั้นตอนการอนุมัติการจัดหาอย่างเป็นทางการจะต้องผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมการกลาโหม, ข่าวกรอง และการต่างประเทศ ของสภาผู้แทนราษฏรอินโดนีเซีย(Komisi I) ครับ

วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

Leonardo อิตาลีจะส่งเครื่องบินฝึกไอพ่น T-100 แข่งขันในโครงการ T-X กองทัพอากาศสหรัฐฯตามลำพัง

Leonardo to go-it-alone with T-X
The T-100 is now back in the mix for the USAF's T-X requirement after Leonardo announced that it is to use its US-based subsidiary Leonardo DRS as the prime for its bid. Source: Leonardo
http://www.janes.com/article/67597/leonardo-to-go-it-alone-with-t-x

ตามประกาศของบริษัท Leonardo อิตาลีเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทางบริษัทจะยังเข้าร่วมการแข่งขันโครงการจัดหาเครื่องบินฝึกไอพ่นใหม่ T-X ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ(USAF: United States Air Force) ตามลำพัง
หลังจากที่บริษัท Raytheon สหรัฐฯที่เดิมเคยเป็นหุ้นส่วนร่วมกันได้ประกาศถอนตัวจากโครงการ T-X เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

ทางบริษัท Leonardo อิตาลีจะมอบอำนาจให้บริษัทย่อยของตนในสหรัฐฯคือ Leonardo DRS ให้มีมีฐานะเป็นผู้รับสัญญาหลักในการเสนอเครื่องบินฝึกไอพ่น T-100(มีพื้นฐานจาก M-346 Master) ในโครงการ T-X
ตามที่บริษัท Raytheon ได้ถอนตัวจากโครงการเมื่อวันที่ 25 มกราคมนั้น ทาง Leonardo DRS จะสนับสนุนบริษัท CAE USA ในการออกแบบและพัฒนาระบบการฝึกภาคพื้นดิน(GBTS: Ground-Based Training System) ของ T-100 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่มีผลต่อโครงการ T-X

การตัดสินใจของ Leonardo ที่จะดำเนินการตามลำพังนี้มีผลบังคับมาจากภายหลังที่อดีตผู้ร่วมทีมหลักของสหรัฐฯคือ Raytheon กล่าวว่า "ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางธุรกิจที่จะสร้างผลประโยชน์ที่น่าสนใจดีที่สุดให้กองทัพอากาศสหรัฐฯได้"
การประกาศนี้มีผลต่อเนื่องในการแข่งขันที่กำลังมุ่งหน้าสู่แผนการประกาศการจัดหาภายหลังในปีนี้สำหรับการจัดหาเครื่องบินฝึกไอพ่นใหม่จำนวน 350เครื่องทดแทนเครื่องบินฝึกไอพ่น Northrop T-38 Talon ที่ยังคงใช้งานอยู่

นอกเหนือจากทีม Leonardo DRS และ Leonardo ที่เสนอ T-100 นั้น คู่แข่งอื่นในโครงการ T-X ยังมีทีม Lockheed Martin สหรัฐฯ และ Korean Aerospace Industries(KAI) สาธารณรัฐเกาหลีที่เสนอเครื่องบินฝึกไอพ่น T-50A Golden Eagle,
ทีม Boeing สหรัฐฯ และ Saab สวีเดน ที่เสนอเครื่องบินฝึกไอพ่น BTX ที่ออกแบบใหม่, ทีม Sierra Nevada Corporation สหรัฐฯ และ Turkish Aerospace Industries(TAI) ตุรกีเสนอการพัฒนาเครื่องบินฝึกไอพ่นที่ออกแบบใหม่

ยังมีการประกาศอย่างไม่เป็นทางการว่าผู้เข้าแข่งขันรายใหม่อีกรายคือ Stavatti สหรัฐฯที่จะเสนอเครื่องบินฝึกไอพ่น Javelin ที่ออกแบบใหม่จากเครื่องบินโดยสารไอพ่นส่วนบุคคล ATG(Aviation Technology Group) Javelin ที่บริษัทผู้พัฒนาเดิมล้มละลายไปตั้งแต่ปี 2008
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ทีม Northrop Grumman สหรัฐฯ และ BAE Systems อังกฤษ/สหรัฐฯได้ประกาศที่จะถอนตัวจากการแข่งขัน โดยก่อนหน้านี้เมื่อเดือนสิงหาคม 2016 มีการพบภาพเครื่องบินฝึกไอพ่นที่ออกแบบใหม่คือ Model 400 ออกมาครับ

วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

เอสโตเนียเข้าร่วมกับฟินแลนด์ในโครงการจัดหาปืนใหญ่อัตตาจร K9 Thunder เกาหลีใต้

Estonia joins Finland in howitzer procurement
WARSAW, Poland — The Estonian Ministry of Defence has decided to join its Finnish counterpart in a plan to acquire South Korean K9 Thunder howitzers.
(Photo Credit: Jung Yeon-Je/AFP via Getty Images)
http://www.defensenews.com/articles/estonia-joins-finland-in-howitzer-procurement

South Korea's Hanwha Techwin K9 Thunder 155mm self-propelled howitzer during trials in Finland in November 2016.

กระทรวงกลาโหมเอสโตเนียได้ตัดสินใจที่จะร่วมกับฟินแลนด์ถึงความเป็นไปได้ในแผนความร่วมมือในการจัดหาปืนใหญ่อัตตาจรสายพาน K9 Thunder จากสาธารณารัฐเกาหลี โดยให้การสนับสนุนคำแนะนำ แลกเปลี่ยนทางเทคนิค และการส่งกำลังบำรุงร่วมกัน
รัฐมนตรีกลาโหมเอสโตเนีย Margus Tsahkna กล่าวว่าระบบอาวุธใหม่นี้จะมีความสำคัญยิ่งในการเพิ่มขีดความสามารถด้านปืนใหญ่และความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่ของกองทัพบกเอสโตเนีย
"K9 Thunder มีขีดความสามารถโจมตีเป้าหมายซึ่งตั้งห่างออกไป 40km ได้" รัฐมนตรีกลาโหมเอสโตเนีย Tsahkna กล่าวกับสื่อท้องถิ่นเอสโตเนีย

ภายใต้แผนดังกล่าวปืนใหญ่อัตตาจร K9 ชุดแรกจะถูกส่งมอบให้กองทัพบกเอสโตเนียภายในปี 2021 เพื่อทดแทนปืนใหญ่ลากจูงแบบ FH-70 ที่ประจำการในกองพลน้อยที่1 กองทัพบกเอสโตเนีย
ซึ่งกระทรวงกลาโหมเอสโตเนียแถลงอย่างเป็นทางการว่าจะจัดหาปืนใหญ่อัตตาจรอย่างน้อย 12ระบบ ปืนใหญ่อัตตาจรสายพาน K9 ขนาด 155mm ผลิตโดยบริษัท Hanwha Techwin สาธารรัฐเกาหลี คาดว่าจะมีการลงนามสัญญาภายในปีนี้
การตัดสินใจของเอสโตเนียจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ทางภาคพื้นดินเพิ่มเป็นการสะท้อนการเพิ่มความกังวลของกลุ่มรัฐ Baltic ต่อพฤติกรรมของรัสเซียทางด้านยุโรปตะวันออกที่ถูกมองว่ารัสเซียกำลังแสดงท่าทีก้าวร้าวและกระหายสงคราม
ซึ่งเป็นผลจากการที่รัสเซียผนวก Crimea และแทรงแซงสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซียในภาค Donbass ต่อสู้กับกองกำลังความมั่นคงรัฐบาลยูเครนตั้งแต่เดือนมีนาคม 2014 รวมถึงการเพิ่มกำลังทหาร อาวุธ และขีปนาวุธในภาคตะวันตกของรัสเซียเช่นที่ Kaliningrad

ก่อนหน้านี้ในปีที่แล้วรัฐบาลเอสโตเนียได้จัดตั้งสำนักงานจัดซื้อจัดจ้างของกองทัพใหม่เพื่อรวมการกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างอาวุธยุทโธปกรณ์ซึ่งเป็นหน่วยงานส่วนหนึ่งของกองทัพเอสโตเนีย
หน่วยงานใหม่นี้ได้รับการอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมจากรัฐบาลเอสโตเนียเพื่อเพิ่มการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์เป็นวงเงินประมาณ 200 million Euros($215.6 million) ต่อปีจนถึงปี 2020
ซึ่งการแทรกแซงทางทหารของรัสเซียต่อยูเครนนั้น ทำใหสามชาติรัฐ Baltic ทั้งเอสโตเนีย, แลตเวีย และลิทัวเนีย กำลังพิจารณาแผนความร่วมมือในการจัดตั้งระบบป้องกันภัยทางอากาศร่วมกันครับ

วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

Heckler & Koch เยอรมนีเปิดตัวปืนเล็กยาวจู่โจม HK433 ใหม่

Heckler & Koch unveils HK433 modular assault rifle
Heckler & Koch's HK433 assault rifle family will be proposed to the Bundeswehr as a replacement for the currently issued G36 rifle. (H&K)
http://www.janes.com/article/67487/heckler-koch-unveils-hk433-modular-assault-rifle

บริษัท Heckler & Koch ผู้ผลิตอาวุธปืนชั้นนำของเยอรมนีเปิดตัวปืนเล็กยาวจู่โจม Modular แบบใหม่ล่าสุด HK433 ขนาด 5.56x45mm สำหรับเสนอให้กองทัพเยอรมนี(Bundeswehr) เพื่อทดแทนปืนเล็กยาว HK G36 ซึ่งมีปัญหาที่ประจำการอยู่ในปัจจุบัน
HK433 นี้เป็นปืนเล็กยาวตระกูลที่สี่แล้วที่เสนอโดยโรงงานผลิตปืนใน Oberndorf ต่อจากปืนเล็กยาว G36, HK416 และ HK417
แกนหลักของปืนเล็กยาวตระกูลใหม่นี้คือปืนเล็กยาวจู่โจม HK433 ขนาด 5.56mm ตลอดจนปืนที่ใช้กระสุนขนาดอื่นเช่น ปืนเล็กยาว HK231 ขนาด 7.62x51mm, ปืนเล็กยาว HK123 ขนาด 7.62x39mm และขนาด .300BLK อาจจะมีการเสนอด้วย

ปืนเล็กยาว HK433 ทำงานด้วยระบบแก๊ซลูกสูบช่วงชักสั้น ใช้ลูกเลื่อนหมุนตัวขัดกลอนปิดที่ส่วนหัว โครงปืนชิ้นเดียวส่วนบนทำจาก Aluminium มีรางติดอุปกรณ์เสริม NAR(NATO Accessory Rail STANAG 4694) แบบยาว การเคลือบดูดซับ Infrared สามารถเลือกใช้ได้
HK433 มีปลอกกรองมือแบบเส้นบางพร้อมรางติดอุปกรณ์ Picatinny/NAR ที่ตำแหน่งด้านล่าง ทางซ้ายและทางขวาของปลอกกรองมือจะเป็นจุดติดอุปกรณ์แบบ HKey ของ H&K ปืนสามารถติดตั้งเครื่องยิงลูกระเบิด 40mm GLM/GLM A1 และ HK269 ที่รางเหล่านี้ได้
คันรั้งลูกเลื่อนของ HK433 เป็นแบบแบนพร้อมการนำระบบช่วยเสริมด้านหน้าและทำให้ปืนสามารถใช้งานได้ทั้งสองด้านอย่างเต็มรูปแบบ คันบังคับการยิงมีสามตำแหน่ง Safe, ยิงทีละนัด และยิงอัตโนมัติ(อัตราการยิง 700นัดต่อนาที) ตามความต้องการของกองทัพเยอรมนี

การขึ้นลำปืนสามารถทำได้ทุกตำแหน่ง Heckler & Koch เสนอปืนเล็กยาว HK433 สองแบบคือแบบที่ใช้คันปลดซองกระสุนแบบ G36 และแบบที่ใช้ปุ่มปลดซองกระสุนแบบ HK416/AR-15 ซึ่งทั้งสองแบบมีคันปลด/เปิดลูกเลื่อนที่ส่วนด้านหน้าของโกร่งไกปืน
HK433 มีลำกล้องขนาด 280, 318, 368, 421, 480 และ 503mm (11, 12.5, 14.5, 16.5, 18.9 และ 20inch) ให้เลือก เป็นลำกล้องหล่อแบบทุบเย็น มีเกลียวลำกล้องหมุนขวา 178mm 6เกลียว ชุบ Chromium แข็ง ติดตั้งตัวปรับแรงดันแก๊ซสำหรับใช้กับท่อเก็บเสียง
ลำกล้องสามารถเปลี่ยนได้โดยตัวผู้ใช้ปืน และสามารถติดตั้งปากลำกล้องปืนแบบ M15x1 muzzle thread สำหรับติดตั้งปลอกทวีความถอยเพื่อยิงกระสุน Blank (BFA: Blank Firing Attachment) ครับ

วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

จีนเริ่มสายการผลิตยานเบาะอากาศ Type 762A LCAC ใหม่

China Started Serial Production of New Type 726A LCAC for PLAN
A pair of PLAN Type 726 LCACs during amphibious landing exercise

Vessels currently under construction at the Jiangnan Shipyard. Picture via East Pendulum.
http://www.navyrecognition.com/index.php/news/defence-news/2017/february-2017-navy-naval-forces-defense-industry-technology-maritime-security-global-news/4875-china-started-serial-production-of-new-type-726a-lcac-for-plan.html
More picture at http://www.eastpendulum.com/la-chine-lance-la-production-en-serie-de-son-nouveau-lcac-type-726a


จากภาพถ่ายดาวเทียมที่บันทึกได้เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2016 เหนืออู่ต่อเรือ Jiangnan Changxing Shipyard ใน Shanghai สาธารณรัฐประชาชนจีนนั้น
พบว่ากองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน(People's Liberation Army Navy) กำลังเริ่มสายการผลิตยานเบาะอากาศชั้น Type 726A ใหม่ซึ่งมีคุณสมบัติเทียบเท่ากับยานเบาะอากาศ LCAC( Landing Craft Air Cushion) ของกองทัพเรือสหรัฐฯ

Type 726A เป็นยานเบาะอากาศ(Air-Cushion Craft หรือ Hovercraft) ที่ออกแบบมาสำหรับปฏิบัติการร่วมกับเรืออู่ยกพลขึ้นบก(LPD: Landing Platform Dock)ชั้น Type 071 จากอู่ลอย(Well Deck) ทางด้านท้ายเรือ
ซึ่งยานเบาะอากาศรุ่นก่อนหน้านี้คือ Type 726 นั้นมีรายงานปัญหาข้อบกพร่องจำนวนมากจนมีการสั่งระงับการสร้างไปชั่วคราวเมื่อมีการสร้างออกมาได้ 4ลำ
ทำให้เรือชั้น Type 071 LPD ที่มีระวางขับน้ำ 20,000tons นั้นยังมีข้อจำกัดด้านขีดความสามารถจำกัดเฉพาะการส่งรถรบทหารราบ(IFV: Infantry Fighting Vehicle)สะเทินน้ำสะเทินบก และเฮลิคอปเตอร์ในปฏิบัติการยกขึ้นบก(รถถังหลักต้องใช้ LCAC ลำเลียงจากเรือขึ้นฝั่ง)

จากภาพถ่ายดาวเทียมในข้างต้นจะเห็นว่านอกจากเรือพิฆาต Type 055 2ลำ และเรือพิฆาต Type 052D 6ลำที่กำลังสร้างแล้ว ในกรองสีเหลืองจะเห็นยานเบาะอากาศ Type 726A LCAC 2ลำในน้ำ และ 2ลำบนบก
ยานเบาะอากาศ Type 726 รุ่นก่อน 4ลำถูกสร้างที่อู่เรือ Jiangnan เช่นเดียวกันเมื่อ 6ปีก่อน ซึ่งยานเบาะอากาศชั้นนี้ติดตั้งเครื่องยนต์ Gas Turbine แบบ UGT-6000 จากยูเครน
ซึ่งมีรายงานข่าวลือว่าปัญหาหลักในการระงับการสร้าง Type 726 LCAC เพิ่มเติมชั่วคราวนั้นมาจากเรื่องการเปลี่ยนเครื่องยนต์ยูเครนไปใช้เครื่องยนต์ของจีนเอง รวมถึงปัญหาด้านระบบพังงาเรือ
แต่ทางด้านแหล่งข่าวที่ทำงานในอู่ต่อเรือนั้นได้ตอบคำถามเรื่องปัญหาของยานเบาะอากาศว่ามีในเรื่องการสั่นแบบความถี่ต่ำของเรือและเรือมีระดับเสียงที่ดังมาก

ยานเบาะอากาศ Type 726A LCAC ที่ปรับปรุงใหม่นั้นติดตั้งเครื่องยนต์ Gas Turbine แบบ QC-70 ที่จีนพัฒนาเองซึ่งมีพื้นฐานจากเครื่องยนต์ไอพ่น Turbofan แบบ WS-10 ที่ติดตั้งในอากาศยาน เช่นเครื่องบินขับไล่ J-10
สิ่งที่น่าสนใจคือ AVIC กลุ่มเครืออุตสาหกรรมอากาศยานของจีนเป็นผู้รับผิดชอบในการออกแบบยานเบาะอากาศ Type 726/Type 726A
ตัวอย่างเช่นการประกอบชุดขับเคลื่อนใบพัดนั้นสร้างโดย CAC(Chengdu Aircraft Corporation) ในเครือ AVIC ซึ่งเป็นผู้สร้างเครื่องบินขับไล่ J-10B และเครื่องบินขับไล่ Stealth J-20

ขณะเดียวกัน Type 726 LCAC 4ลำที่ถูกสร้างขึ้นมานั้น นอกจากหมายเลขเรือ 3332 ที่ปรากฎในวิดีทัศน์การฝึกซ้อมรบยกพลขึ้นบกในข้างต้นนั้น ถึงปัจจุบันมีการพบยานเบาะอากาศ Type 726 อีกเพียง 3ลำเท่านั้นคือหมายเลขเรือ 3319, 3320 และ 3321
ยานเบาะอากาศ Type 726/Type 726A แต่ละลำมีระวางขับน้ำประมาณ 150tons สามารถรับน้ำหนักบรรทุกได้ 60tons ซึ่งเพียงพอสำหรับรถถังหลัก Type 96A หรือ Type 99A ของจีน
มีพิสัยทำการประมาณ 320km ซึ่งเพียงพอในการข้ามช่องแคบไต้หวันด้วยความเร็ว 80knots ในเที่ยวเดียว แต่ยังไม่ทราบว่าเรือจะมีความคงทนทะเลได้ในระดับ Sea State เท่าไร

ทั้งนี้ยังไม่มีข้อมูลทางการถึงจำนวนยานเบาะอากาศของกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนที่ได้รับมอบได้ในปัจจุบันว่ามีกี่ลำ นอกจาก Type 726 ที่มีภาพปรากฎแล้ว 4ลำ และ Type 726A ที่กำลังสร้างอยู่ 4ลำ
เป็นที่ทราบว่าเรืออู่ยกพลขึ้นบกชั้น Type 071 LPD นั้นรองรับยานเบาะอากาศในอู่ลอยของเรือได้ 2ลำ ซึ่งปัจจุบันกองทัพเรือจีนมีเรือชั้น Type 071 ประจำการแล้ว 6ลำ ดังนั้นจีนน่าจะต้องการยานเบาะอากาศ LCAC เพิ่มอีกมากกว่านี้ครับ