วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

สวีเดนอาจยังประจำการเครื่องบินขับไล่ Gripen C หลังปี 2026 และยกเลิกการจัดหาเครื่องบินลำเลียงใหม่แทน C-130H

Sweden may retain Gripen C fighters beyond current 2026 retirement date
The Swedish Air Force may retain a number of its Gripen C fighters (pictured) even after it has introduced into service the latest Gripen E. Source: Swedish Air Force
http://www.janes.com/article/70189/sweden-may-retain-gripen-c-fighters-beyond-current-2026-retirement-date

กองทัพอากาศสวีเดนอาจจะยังคงประจำการเครื่องบินขับไล่ Saab JAS-39C Gripen C ต่อไปจนเกินแผนการปลดประจำการในปี 2026 ตามที่กองทัพมองว่าการจัดหาเครื่องบินขับไล่ Saab JAS-39E Gripen E ทดแทนมีจำนวนน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้
ตามที่ นาวาอากาศเอก Magnus Liljegren จากกองบัญชาการกองทัพอากาศสวีเดนกล่าวเปิดเผยกับสื่อที่ Stockolm เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมว่า
กองทัพมีกำหนดที่จะได้รับมอบเครื่องบินขับไล่ Gripen E เพียง 60เครื่องจากที่ต้องการ 60-80เครื่องตั้งแต่ปี 2022-2026 ซึ่งไม่เพียงพอกับการทดแทนเครื่องบินขับไล่ Gripen C 73เครื่องที่ยังคงประจำการอยู่ซึ่งจะทำให้เกิดช่องว่างในระหว่างการส่งมอบเครื่องจนถึงชุดสุดท้าย
(มีการเปิดเผยแล้วว่าจะมีเครื่องบินขับไล่ JAS-39D Gripen D รุ่นสองที่นั่ง 24เครื่องที่ดูเหมือนจะยังคงใช้งานในการฝึกนักบินต่อไป)

"เรากำลังจะได้รับมอบ Gripen E 60เครื่อง โดยอาจจะเพิ่มขึ้นเป็น 70เครื่อง มันยังไม่มีการตัดสินใจว่าเราจะทำอย่างไรกับ Gripen C กองทัพอากาศสวีเดนไม่ได้พูดเจาะจงว่าอยากจะบินพวกมันไปจนเกินปี 2026
แต่ถ้าเราไม่สามารถมี Gripen E ถึง 80เครื่อง ก็อาจจะมองที่จะคง Gripen C/D ไว้ส่วนหนึ่ง มันมีค่าใช้จ่ายเป็นเงินจำนวนหนึ่งและมันยังไม่มีเงินสำหรับส่วนนี้หลังปี 2026 แต่ทั้งนี้ยังไม่มีการตัดสินใจทางการเมืองที่จะงดบินพวกมันหลังจากวันดังกล่าวนี้"
นาวาอากาศเอก Liljegren ระบุแม้ว่าการคงจำนวนเครื่องบินขับไล่ Gripen C จะเป็นทางเลือก แต่ภายใต้แผนข้อตกลงปัจจุบัน ตอนนี้มีการเพิ่มงบประมาณเพิ่มเติมสำหรับแผนดังกล่าวแล้ว

ขณะที่ นาวาอากาศเอก Liljegren ไม่ได้ระบุจำนวนที่เป็นไปได้ของ Gripen C ที่น่าจะยังคงประจำการไว้หลังปี 2026 ที่ดูเหมือนว่าน่าจะมากกว่า 20เครื่อง
เพื่อรักษาช่องว่างระหว่าง Gripen E 80เครื่องที่กองทัพอากาศสวีเดนมีความต้องการ และ Gripen E 60เครื่องที่ได้รับการจัดหาจริง(หรือเพิ่มอีก 10เครื่องเป็น 70เครื่อง)
โดยระหว่างนั้นขีดความสามารถของกองทัพอากาศสวีเดนจะลดลงไปอย่างมากจากจำนวนเครื่องบินขับไล่ที่ลดลงครับ

Sweden decides against Hercules replacement, opts for MLU instead
While Sweden had planned to replace its ageing C-130H Hercules airlifters, it will now upgrade them instead. Source: IHS Markit/Patrick Allen
http://www.janes.com/article/70179/sweden-decides-against-hercules-replacement-opts-for-mlu-instead

สวีเดนได้ตัดสินใจยกเลิกโครงการจัดหาเครื่องบินลำเลียงแบบใหม่ โดยจะทำการปรับปรุงฝูงเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธี Lockheed Martin C-130H Hercules ที่มีอายุการใช้งานนานของตนต่อไป
ตามที่ นาวาอากาศเอก Magnus Liljegren จากกองบัญชาการกองทัพอากาศสวีเดนกล่าวเปิดเผยกับสื่อเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมว่า
เครื่องบินลำเลียง C-130H ที่มีอยู่ 6เครื่อง(จากเดิม 8เครื่อง โดยมี 2เครื่องถูกงดใช้งานตั้งแต่ปี 2015) จะถูกนำเข้าสู่การปรับปรุงครึ่งอายุ(MLU: Mid-Life Upgrade) ที่จะมีขึ้นในช่วงประมาณปี 2020-2024

"(การจัดหาเครื่องทดแทน C-130H) เป็นคำถามที่ถูกถามมา(ในสวีเดน)ตลอดเวลา เรากำลังมองไปที่การปรับปรุง MLU แทน" นาวาอากาศเอก Liljegren กล่าวโดยให้ข้อสังเกตว่ากองทัพอากาศสวีเดนเป็นผู้ใช้งานฝูงบิน C-130 ที่มีอายุมากที่สุดในยุโรปคือประจำการมาตั้งแต่ปี 1960s
ตามที่เขากล่าวการปรับปรุง MLU นี้ดูเหมือนจะครอบคุมในส่วนระบบ Avionic ของเครื่องและ "ผลิตภัณฑ์อื่นบางส่วน" แต่จะไม่เกี่ยวข้องกับงานโครงสร้างหลักเช่นการเปลี่ยนส่วนเชื่อมปีกทั้งสองข้างกลางลำตัวเครื่อง(Center Wing-box)
นาวาอากาศเอก Liljegren ระบุว่างานด้านโครงสร้างดังที่ว่ามาจะมีค่าใช้จ่ายแพงเกินไปเมื่อพิจารณาจากชั่วโมงโครงสร้างอากาศยานที่เหลืออยู่ในฝูงบิน แม้ว่าจะมีการปรับปรุง MLU แล้ว C-130H ทั้ง 6เครื่องจะทำการบินต่อไปไม่เกินปี 2030-2032
C-130H 1เครื่องได้รับการติดตั้งอุปกรณ์เพื่อใช้เป็นเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ ซึ่งกองทัพอากาศสวีเดนจะสูญเสียขีดความสามารถไปชั่วคราวขณะที่เครื่องเข้ารับการปรับปรุง MLU อย่างไรก็ตาม นาวาอากาศเอก Liljegren อธิบายว่าขีดความสามารถนี้ไม่ได้ถูกใช้ในบ่อยครั้งนัก

กองทัพอากาศสวีเดนได้รับมอบเครื่องบินลำเลียง C-130H ชุดแรกในปี 1965 โดยกองทัพอากาศสวีเดนได้เคยหวังที่จะให้พวกมันได้รับการปรับปรุงในฐานะส่วนหนึ่งของโครงการ AMP(Avionics Modernization Program) ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตามสวีเดนได้ถอนตัวออกจากโครงการปรับปรุง AMP จากเหตุต้นทุนค่าใช้จ่ายในเวลานั้นที่มีการยกเลิกโครงการโดยกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯเมื่อต้นปี 2012
แผนปัจจุบันในการปรับปรุง C-130H MLU นั้นตรงกันข้ามกับการประกาศก่อนหน้าถึงวัตถุประสงค์ในการจัดหาเครื่องบินลำเลียงแบบใหม่ที่ทันสมัยทดแทนที่จะมีการเปิดโครงการในปี 2021 ครับ

Swedish QRA scrambles remain at record levels
http://www.janes.com/article/70182/swedish-qra-scrambles-remain-at-record-levels

สวีเดนยังคงดำเนินการขั้นระดับสูงของปฏิบัติการนำเครื่องบินขับไล่ขึ้นสกัดกั้นโดยฉับพลัน(QRA: Quick Reaction Alert) เพื่อตอบโต้การรุกล้ำน่านฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัสเซียและ"อื่นๆ"
นาวาอากาศเอก Magnus Liljegren กล่าวว่าระดับขั้นการปฏิบัติการบินสกัดกั้นเร่งด่วน(Alert) นับจากหลังสงครามเย็นเป็นต้นมานั้นเพิ่มสูงขึ้นตั้งช่วงปี 2014 หลังจากรัสเซียเข้าผนวก Crimea และแทรงแซงสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซียทำสงครามกับกองกำลังความมั่นคงรัฐบาลยูเครน
"การตรวจตราทางอากาศมีผลกระทบอย่างมาก แต่นั้นคือเหตุผลว่าทำไม่เราจึงอยู่ที่นี่ มันเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจาก 5ปีก่อนในช่วง 2ปีนี้ และตอนนี้นั้นดูจะเบาลงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ลดลงเลย" นาวาอากาศเอก Liljegren กล่าว

ทั้งนี้สวีเดนและฟินแลนด์ซึ่งต่างเป็นประเทศเป็นกลางที่ได้รับผลกระทบจากการรุกล้ำน่านฟ้าจากรัสเซียเช่นกันก็มีแนวคิดที่จะจัดตั้งองค์กรความร่วมมือการป้องกันภูมิภาค Nordic (NORDEFCO: Nordic Defence Cooperation)
โดยมีความร่วมมือเป็นพันธมิตรกับกลุ่มประเทศเล็กในยุโรป เพื่อรักษาระดับความร่วมมือกับสหภาพยุโรป(EU) สหประชาชาติ(UN) และ NATO ซึ่งยากที่ชาติเล็กๆเพียงประเทศเดียวจะทำได้ง่าย
ทั้งนี้การวางแผนความร่วมมือระหว่างสวีเดนและฟินแลนด์ด้านควาทมั่นคง จะร่วมถึงความร่วมมือด้านการสื่อสารระหว่างกองทัพแต่ละประเทศ การแลกเปลี่ยนการใช้งานฐานทัพภาคพื้นดิน และการลาดตระเวนน่านฟ้าตรวจตราทางอากาศศร่วมกันครับ