วันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2560

อังกฤษทำพิธีประจำการเรือบรรทุกเครื่องบิน HMS Queen Elizabeth

Britain moves to restore carrier strike capability with warship commissioning
Police officers are seen in front of the HMS Queen Elizabeth during its commissioning ceremony on Dec. 7, 2017, in Portsmouth, England. (Matt Cardy/Getty Images)
https://www.defensenews.com/naval/2017/12/07/britain-moves-to-restore-carrier-strike-capability-with-warship-commissioning/


กองทัพเรือสหราชอาณาจักร(Royal Navy) ได้เข้าใกล้ไปอีกขั้นในการกลับมามีขีดความสามารถด้านกองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีอีกครั้งในวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา
ในพิธีขึ้นระวางประจำการเรือบรรทุกเครื่องบิน R08 HMS Queen Elizabeth ระวางขับน้ำ 65,000tons อย่างเป็นทางการ ณ ฐานทัพเรือ HMNB Portsmouth ทางตอนใต้ของ England
เรือบรรทุกเครื่องบิน HMS Queen Elizabeth ได้เริ่มการทดสอบการปฏิบัติการร่วมกับเฮลิคอปเตอร์ไปแล้วในช่วงปี 2017 นี้ และในปี 2018 เรือมีกำหนดการที่จะเดินทางไปยังชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ
เพื่อดำเนินการทดสอบการปฏิบัติการบินร่วมกับเครื่องบินขับไล่ F-35B Lightning II ส่วนหนึ่งจาก 14เครื่องที่สหราชอาณาจักรสั่งจัดหาจากบริษัท Lockheed Martin สหรัฐฯ

HMS Queen Elizabeth เป็นเรือรบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่ประจำการในกลุ่มประเทศยุโรปขณะนี้ โดยเป็นเรือลำแรกของเรือบรรทุกเครื่องบินชั้น Queen Elizabeth จำนวน 2ลำ
ที่สร้างโดยบริษัท BAE Systems และกลุ่มพันธมิตรอุตสาหกรรมทางเรืออังกฤษ ที่มีวงเงินโครงการประมาณ 6.2 billion British Pound($8.3 billion)
เรือบรรทุกเครื่องบินชั้น Queen Elizabeth ลำที่สอง R09 HMS Prince of Wales ที่ได้ทำพิธีตั้งชื่อเรือเมื่อ 8 กันยายนที่ผ่านมานั้น(http://aagth1.blogspot.com/2017/09/hms-prince-of-wales-f-35b.html)
ส่วนโครงสร้างเรือได้สร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว และมีกำหนดการที่จะส่งมอบให้กองทัพเรือสหราชอาณาจักรได้ในปี 2019 แต่จะมีเรือบรรทุกเครื่องบินเพียงลำเดียวที่ออกปฏิบัติการได้ในช่วงเวลาใดๆก็ตาม เนื่องจากอังกฤษไม่มีกำลังพลและทรัพยากรมากพอที่จะปฏิบัติการเรือได้พร้อมกันทั้ง 2ลำ

ในพิธีขึ้นระวางประจำการ พลเรือเอก Sir Philip Jones, First Sea Lord และผู้บัญชาการกองทัพเรือสหราชอาณาจักร ได้กล่าวว่า
"การชักธงราชนาวีอังกฤษ(White Ensign) บนเรือ HMS Queen Elizabeth วันนี้ สหราชอาณาจักรได้ยืนยันที่อยู่ของเธอท่ามกลางมหาอำนาจทางทะเลของโลกในแง่ความเกรียงไกรและความกำยำ
เรือบรรทุกเครื่องบินจะตั้งอยู่ในหัวใจของการปรับปรุงความทันสมัยและความแกร่งกล้าของกองทัพเรือสหราชอาณาจักร ขีดความสามารถในการแสดงกำลังและอำนาจในทะเล ในอากาศ เหนือพื้นดิน และใน Cyberspace และเสนอทางเลือกทางทหารและทางการเมืองของชาติเราในโลกที่ไม่แน่นอนนี้"

การประจำการ HMS Queen Elizabeth อย่างเป็นทางการเป็นการกลับมามีขีดความสามารถการโจมตีด้วยเรือบรรทุกเครื่องบินอีกครั้งของกองทัพเรืออังกฤษ
หลังจากที่รัฐบาลพรรคอนุรักษ์นิยมได้สั่งปลดประจำการเรือบรรทุกเครื่องบินเบาชั้น Invicible ทั้งหมดตามแผนทวบทวนยุทธศาสตร์กลาโหมและความมั่นคง(Strategic Defence and Security Review) ในปี 2010
เป็นเวลาหลายปีจนถึงตอนนี้ที่นักบินและกำลังพลกองทัพเรือสหราชอาณาจักรได้คงทักษะของพวกตนโดยการปฏิบัติการร่วมกับกองทัพสหรัฐฯชาติพันธมิตร
ความร่วมมือที่ใกล้ชิดที่จะดำเนินต่อไปคือการนำ F-35B รุ่นบินขึ้นระยะสั้นลงทางดิ่ง STOVL(Short Take-Off/Vertical Landing) ของนาวิกโยธินสหรัฐฯ(US Marine Corps) ที่จะทำการบินจากดาดฟ้าบินของ HMS Queen Elizabeth

การวางกำลัง F-35B นาวิกโยธินสหรัฐฯบนเรือบรรทุกเครื่องบินกองทัพเรืออังกฤษเป็นส่วนหนึ่งจากการที่อังกฤษไม่สามารถจัดหางบประมาณในการจัดหาอากาศยานที่เพียงพอที่จะทำให้เรือบรรทุกเครื่องบินสามารถใช้งานได้ในเวลาไม่กี่ปีทันทีที่เริ่มนำ HMS Queen Elizabeth เข้าประจำการ
ณ เวลานี้อังกฤษได้สั่งจัดหาเครื่องบินขับไล่ F-35B เพียง 14เครื่องเท่านั้น ซึ่งยังไม่ได้รับมอบครบทั้งหมด โดยเครื่องสุดท้ายที่สั่งในชุดปัจจุบันนี้จะมีการส่งมอบให้ได้ในอีกหลายสัปดาห์ข้างหน้า
การจัดหา F-35B ระยะต่อไปกำลังอย่ระหว่างการเจรจากับ Lockheed Martin สหรัฐฯ แต่โฆษกของกระทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักรปฏิเสธที่จะระบุว่าจะมีการสั่งจัดหา F-35B อีกจำนวนกี่เครื่องในชุดต่อไป
อังกฤษมีความต้องการที่จะจัดหา F-35B 48เครื่องสำหรับกองทัพเรือสหราชอาณาจักร และกองทัพอากาศสหราชอาณาจักร(Royal Air Force) และจะประเมินการจัดหาถึง 138เครื่อง แม้ว่าจะไม่มีความชัดเจนเรื่องระยะเวลาที่แท้จริงก็ตาม

เมื่อถึงช่วงที่ HMS Queen Elizabeth เข้าใกล้ความพร้อมปฏิบัติการเต็มอัตราที่จะมีขึ้นในสิ้นทศวรรษปี 2020s อังกฤษมีแผนที่จะตั้งฝูงบินขับไล่ F-35B สองฝูงบินซึ่งมีเครื่องประจำการฝูงละ 24เครื่อง
เรือบรรทุกเครื่องบินชั้น Queen Elizabeth สามารถรองรับ F-35B ได้ 36เครื่อง แม้ว่าเจ้าหน้าที่กองทัพเรืออังกฤษจะกล่าวว่าเรือสามารถวางกำลังเครื่องบินขับไล่ได้ในจำนวนมากกว่านี้ถ้าต้องการ
คณะรัฐมนตรีรัฐบาลสหราชอาณาจักรได้เสนอว่าเครื่องบินขับไล่เหล่านี้น่าจะมีการเลือกจัดหา F-35A CTOL(Conventional Take-Off and Landing) รุ่นขึ้นลงตามแบบสำหรับกองทัพอากาศอังกฤษภายหลัง
ตั้งแต่ที่สหราชอาณาจักรจะออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปในปลายปีนี้ และค่าเงิน Pound Sterling ที่อ่อนค่าลงส่งผลต่องบประมาณกลาโหม จึงมีความกังวลต่อโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่ F-35 ซึ่งเป็นโครงการกลาโหมที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของอังกฤษ

การประมาณการหนึ่งว่าการจัดซื้อยุทโธปกรณ์จากสหรัฐฯของสหราชอาณาจักรควรจะมีการประเมินบัญชีทุกไตรมาสสำหรับทุก Pound ที่ใช้จ่ายในโครงการจัดหาของกลาโหม
แผนทวบทวนยุทธศาสตร์กลาโหมและความมั่นคงที่ใกล้จะมาถึงนี้เป็นการต่อสู้ระหว่างกระทรวงกลาโหมและกระทรวงการคลังสหราชอาณาจักร ไม่ว่าจะมีเงินเพียงพอไม่ก็ตามที่จำเป็นจะต้องตัดงบประมาณกลาโหมลงเพื่อไม่ให้เกิดหลุมดำงบประมาณที่สูงถึง 20 billion Pound ใน 10ปีข้างหน้า
การตัดงบประมาณเหล่านี้คาดว่าจะเกิดขึ้นในแผนทบทวนกลาโหมที่เกี่ยวข้องกับความพร้อมของกองทัพเรือสหราชอาณาจักรที่มีจำนวนเรือรบและขีดความสามารถลดลงไปอย่างมาก(http://aagth1.blogspot.com/2016/11/blog-post_22.html)
การเผชิญหน้าระหว่างกระทรวงกลาโหมและกระทรวงการคลังถึงจุดต่ำเมื่อสื่ออังกฤษรายงานว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และอดีตรัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ Philip Hammond ถูกกล่าวโทษว่าเป็นต้นเหตุปัญหาหลุมดำในกระทรวงกลาโหม
และจะถูกระงับการให้ใช้บริการเครื่องบินโดยสาร VIP ของกองทัพอากาศอังกฤษจนกว่ากระทรวงการคลังจะจ่ายค่าโดยสารจากการเดินทางเที่ยวก่อนหน้านี้ครับ